Vanity Metric คืออะไร?
สิ่งสำคัญการทำการตลาดทุกครั้ง คือ การวัดผลว่าสิ่งที่ทำไปนั้นได้ผลหรือไม่? ซึ่งจะมีเครื่องมือวัดหรือตัวเลขค่าการวัดนั้นมากมายที่เรียกค่าวัดนี้ว่า Vanity Metric โดยคนส่วนใหญ่ชอบตัวเลขบางตัวที่ไม่ได้มีค่าต่อการตลาดหรือไม่ได้มีผลต่อธุรกิจ แต่บางครั้งการเอาประสิทธิภาพในการทำงานไปฝากกับ Vanity Metric อาจจะมีผลทางธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่ม Startup
Vanity Metric หมายถึง ตัวชี้วัดในการประเมินผลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ยอดผู้ติดตาม ยอดเข้าชม ยอดการมีส่วนร่วม ซึ่งอาจเป็นค่าการวัดที่ไม่ได้ผลอะไรต่อประสิทธิภาพการทำงานอย่างแท้จริง แต่มองแล้วสบายใจ ซึ่งในความจริงแล้วค่า Vanity Metric สามารถสร้างขึ้นมาได้ อย่างในกลุ่มของสตาร์ทอัพ ที่หลายคนหลงกับ Startup ที่มี Valuation สูงๆ ทำให้คิดว่านี้ละคือ Startup ที่ยิ่งใหญ่
แต่ในส่วนของการตลาดค่า Vanity Metric กลับมีความหมาย โดยเฉพาะกระบวนการทำการตลาดผ่านช่องทาง Digital ทีมีการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อการสื่อสารการตลาดหรือสร้างชุมชนออนไลน์ ซึ่งการมีค่า Vanity Metrics ทำให้กลุ่มมีความคุ้นเคยกันดีตั้งแต่สมัยที่เริ่มการตลาดผ่านดิจิทัล
ค่าการวัดผล Vanity Metric มาจาก
ยอด Impression
Impression เป็นจำนวนการโหลดหน้าของเว็บนั้นๆ หรือจำนวนครั้งของการโหลดโฆษณาบนเว็บนั้นๆ แต่ความจริงImpression ก็ไม่ต่างจากการมองเห็นของสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่นับแค่การเห็นแต่อาจไม่ได้อ่าน ซึ่งการมี Vanity Metrics เพิ่มขึ้นอาจมาจากการโหลดหน้าหลายๆ ครั้งแต่ยังไม่มีคนอ่านหรือโหลดแล้วก็รีบออกไป
ค่า Vanity Metrics ที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจควรจะเป็นช่วงเวลาที่คนเข้ามาในหน้านั้นแล้วใช้เวลาแค่ไหน หรือเข้าไปกี่หน้าและออกที่หน้าไหน มากกว่ามาวัดจากจำนวนการเห็นแบบผ่านๆ หรือแค่มีแต่หุ่นยนต์เข้ามาโหลดเพื่อสร้าง Traffic เว็บไซต์
ยอด Likes
ผู้บริหารชอบการที่ยอดไลค์เพิ่มขึ้น เพราะจะได้นำไปทำ PR ซึ่งการมียอด Like แม้จะทำให้ค่า Vanity Metrics เพิ่มขึ้นจริง แต่อาจไม่ได้มีความหมาย เพราะแม้จะมียอด Likes มากมายก็อาจไม่ใช่ลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้ สิ่งที่ควรสนใจคือจำนวนแฟนเพจที่เป็นลูกค้าที่สนใจคุณจริงๆ ว่ามีมากแค่ไหน เพราะพวกเขาสามารถเปลี่ยนกลับมาเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าคุณได้ต่อไป
ยอด Views
ยอด Views จากการดูคลิปวิดีโอเป็นกระแสนิยมมากว่ามีคนดูไปแล้วกี่คน แต่ยอด Views ที่เพิ่มอาจทำให้เกิดค่า Vanity Metrics แต่ก็อาจจะเป็นแค่การเปิดดูผ่านๆ หรือไม่ได้สนใจว่าวิดีโอนั้นคืออะไร ซึ่งคนดูอาจยังไม่รู้ว่าจะจำอะไรจากคลิปนั้น
สิ่งที่ควรสนใจจากยอดวิวจริงๆ คือการที่คนนั่งดูคลิปวิดีโอจบ หรือเปิดคลิปอื่นในช่องต่อ และมีความเข้าใจในการสื่อสารของวิดีโอที่ทำมามากกว่า ซึ่งจะสามารถสร้างยอดการมาที่หน้าเว็บหรือหน้าสินค้าได้
ยอด Download
คนทำแอพมักสนใจว่ามีคนดาวน์โหลดไปมากแค่ไหน แต่ยอดนี้แม้จะทำให้ค่า Vanity Metrics เพิ่ม แต่ก็อาจไม่ได้สื่ออะไร เพราะหลายคนดาว์นโหลดไปทิ้งไว้แล้วไม่ได้ทำอะไรต่อ หรือดาวน์โหลดไปแล้วไม่มียอดรายได้กลับมา ซึ่งสิ่งที่ควรสนใจมากกว่ายอดดาว์นโหลดคือจำนวน Active Users ที่เกิดขึ้นว่ามีแค่ไหน และจะสร้างให้เป็นยอดรายได้ต่อไปได้อย่างไรมากกว่า
สรุปการมี Vanity Metrics
Vanity Metrics คือการวัดค่าบางอย่างที่ไม่ได้ส่งผลโดยตรงกับการเติบโตขององค์กร แต่กลับทำให้คุณรู้สึกว่าหน่วยงานเติบโตขึ้น โดยอาจมียอด Follow หรือ จำนวน Like เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ล้วนแต่ทำให้คุณรู้สึกว่า องค์กรของคุณกำลังเป็นที่รู้จัก แม้ว่ายอดผู้ใช้ที่แท้จริงหรือยอดดาวน์โหลดจะนิ่งมากก็ตาม
ค่าการวัดผล Vanity Metrics ยังมีอีกมากมายที่นักการตลาดสนใจแต่ยอดตัวเลขที่ได้มา การทำเรื่องข้อมูลที่ดีคือการขุดลึกเข้าไปในค่าแต่ละค่าว่ามีความหมายอย่างไร หรือจะใช้ค่าอะไรที่ควรวัดเป็นผลต่อธุรกิจ โดยเฉพาะค่าที่สามารถสื่อกลับมาเป็นรายได้ของสินค้า