บทความ หน้าเว็บแบบไหนที่ส่งผลเสียต่อ SEO

หน้าเว็บไซต์ใครว่าไม่สำคัญ การออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงาม มีความน่าสนใจ จะทำให้คนเข้าเว็บไซต์มากขึ้น ช่วยทำให้ติด SEO ในอันดับดีๆ ได้ มาใส่ใจในเรื่องการออกแบบหน้าเว็บไซต์กันสักหน่อยดีกว่าค่ะ

     SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization เป็นการทำให้เว็บไซต์ติดในอันดับต้นๆ ของ Search Engine เช่น Google เป็นต้น สามารถทำให้ติดอันดับดีๆ ได้โดยการปรับแต่งเว็บไซต์และเพิ่มลิงค์ที่มีคุณภาพ ซึ่งการปรับแต่งเว็บไซต์นอกเหนือจากด้านเทคนิคแล้ว ก็มีเรื่องของการออกแบบในส่วนต่างๆ ด้วยนะคะ

     เว็บไซต์ (Website) ที่ดี ควรติดอันดับการเสิร์ชจากคีย์เวิร์ด (Keyword) นั้นๆ ในหน้าแรกของ Search Engine ซึ่งการทำให้เว็บไซต์ติด SEO ในอันดับต้นๆ มีหลากหลายองค์ประกอบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคอนเทนต์ (Content) การออกแบบหน้าเว็บไซต์ (Website Design) มาดูกันค่ะว่าการออกแบบแบบไหนที่มีลักษณะที่ส่งผลเสียต่อ SEO

1. หน้าเว็บไซต์มีแต่รูปภาพ ไม่มี Text

     แม้ว่ารูปภาพจะเป็นสิ่งที่ช่วยดึงดูดสายตาของผู้ชมไว้ได้ เพราะมีความน่าสนใจมากกว่า ดูง่าย อ่านง่าย แต่การจะปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติด SEO ได้นั้น การใส่รูปภาพที่มีข้อความวางไว้บนหน้าเว็บโดยที่ไม่มีข้อความ (Text) เลย ถือว่าผิด! เพราะอัลกอริธึมของ Google ไม่สามารถอ่านข้อความบนรูปภาพได้ ดังนั้น การจะใช้รูปภาพควรใช้เป็นการประกอบเนื้อหา ส่วนรายละเอียดควรใส่เป็นข้อความ (Text)

     หากต้องการเน้นรูปภาพ อาจใช้ ALT Tag เข้ามาช่วยเสริม เพราะเป็นการใส่คำอธิบายรูปภาพ และสามารถใส่คีย์เวิร์ด (Keyword) ลงไปได้ และที่สำคัญ Google จะอ่าน ALT Tag เป็น Text ได้นั่นเอง

2. อย่าใช้ Pop-Ups จนน่ารำคาญ

     การที่เว็บไซต์ของคุณตั้งหน้าต่าง Pop-Ups ไว้บ่อย หรือ เยอะเกินไปจนดูน่ารำคาญ แม้ว่าเนื้อหาใน Pop-Ups จะมีประโยชน์ต่อผู้ชมก็ตาม แต่สำหรับคนทำเว็บไซต์ต้องจำไว้เสมอว่าคนที่เข้ามา ต้องการคำตอบ ต้องการอ่านเรื่องที่น่าสนใจทันที แต่หากเข้ามาแล้วเจอ Pop-Ups เด้งรัวๆ จะเกิดความรำคาญแล้วกดออกไปแทน ดังนั้น หากจะใช้วิธีการแจ้งเตือนแบบ Pop-Ups ต้องออกแบบให้เหมาะสม สวยงาม และน่าสนใจมากพอที่จะทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกว่าน่ารำคาญ

3. ระวังเรื่องระบบ Navigation

     Navigation คือ ระบบนำทางในเว็บไซต์ (Website) เพื่อให้ผู้ชมสามารถเลือกไปใช้บริการเดินทางในจุดสนใจในเว็บไซต์ (Website) ได้อย่างสะดวก สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และรู้ว่ากำลังอยู่ตรงไหนของเว็บไซต์

     หากทำการจัดหมวดหมู่ หรือ การนำทางภายในเว็บไซต์ว่าผู้ที่เข้ามาแล้วจะหาสิ่งที่ต้องการได้ที่ไหน เช่น การจัดหมวดหมู่บน Top Menu ให้มองเห็นเด่นชัด หรือ มีช่อง Search Box เป็นต้น ซึ่งการจัดการสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ชมสามารถค้นหาข้อมูลที่ตนเองต้องการได้ง่าย และไม่เกิดความสับสน

4. รูปมีขนาดใหญ่เกินไป

     รูปที่มีขนาดไฟล์ใหญ่เกินไปจะยิ่งมีความละเอียดและความคมชัดมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งบางเว็บไซต์อยากให้หน้าเว็บมีรูปสวยๆ ชัดๆ ก็ใส่เข้าไปหลายรูป ซึ่งผลที่ได้คือ หน้าเว็บไซต์โหลดช้า และส่งผลกระทบกับอันดับ SEO โดยตรงในเรื่องของ Page Performance เพราะไม่สะดวกในการเข้าชม จึงทำให้มักโดนกดปิดแล้วเข้าเว็บอื่นทันที

5. ไม่ทำ Responsive Website

     ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ Google นำมาเป็นเกณฑ์สำหรับจัดอันดับ SEO ในช่วงนี้คือ เว็บไซต์ต้องแสดงผลบนมือถือได้สะดวก หรือที่รู้จักกันในนาม Responsive Website เพราะในปัจจุบันคนหันมาใช้มือถือในการเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น จึงควรออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับกับทุกๆอุปกรณ์ เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้

     หากไม่ทำการพัฒนาให้ทันยุคทันสมัย เข้ามาหน้าเว็บไซต์แล้วยังเปิดแบบโบราณต้องใช้นิ้วซูมดู ถือว่าสอบตก เพราะผู้ชมกดเข้ามาแล้วจะมองว่าไม่สวยงาม อ่านยาก ทำให้กดออกไปทันที ซึ่ง Google จะไม่ให้คะแนนในส่วนนี้เลย เพราะอัตรา Bounce Rate ค่อนข้างสูง แสดงว่าเว็บไซต์ไม่เป็นมิตรต่อผู้เข้าชม ดังนั้น หากเว็บไหนยังไม่ปรับเป็น Responsive ควรปรับด่วนไม่อย่างนั้นอันดับร่วงแน่นอน

     และนี่คือตัวช่วยที่จะทำให้คุณได้รู้ว่า คุณยังทำการออกแบบหน้าเว็บไซต์แบบผิดๆ ไม่เอื้อต่อการทำ SEO กันอยู่หรือเปล่า หากใครกำลังทำแบบดังกล่าว ขอให้รีบปรับปรุงอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เว็บไซต์กลับมาส่งผลดีต่อการทำ SEO และได้อยู่ในอันดับดีๆ ของ Search Engine กันค่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

สิ่งดีๆ ที่ได้จากการทำ SEO

ข้อควรระวังในการทำ SEO