งาน Google Marketing Live 2019 งานที่ว่ากันด้วยเรื่องการตลาดและโฆษณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านโฆษณาต่างๆ ของ Google มาดูกันว่ามีอะไรมาใหม่และมีอะไรน่าสนใจกันบ้าง ซึ่งในปีนี้มีอัปเดตที่ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ทางเราขอนำ 8 สิ่งที่น่าสนใจมาเสนอให้ดูกันค่ะ
1. เปิดตัว Discovery Ad
ถ้าพูดถึงระบบโฆษณาหลักๆ ของ Google นั้น หลายๆ คนก็มักจะคิดถึงเรื่อง Search Ad ซึ่งจะเน้นเรื่องโฆษณาเมื่อคนต้องการค้นหาอะไรบางอย่างโดยเฉพาะ แต่ยังมีอีกด้านหนึ่งที่ Google สามารถทำได้ดีเช่นกันคือ ตัวแพลตฟอร์มและบริการอื่นๆ ของ Google นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ Customer Journey ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนดูคอนเทนต์ต่างๆ บน YouTube หรือการเปิดอ่านข้อมูลโปรโมชั่นต่างๆ บน Gmail Promotion tab หรืออย่างในบริการอย่าง Google Discover ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเช็ค อัปเดตข่าวสารต่างๆ ได้ โดยจะอยู่ในหน้า Google.com เมื่อเปิดผ่านมือถือ iOS / Android
ด้วยเหตุนี้ Google เลยเปิดตัว Discovery ads ซึ่งจะสามรถใช้งานได้ทั่วโลกในช่วงปลายปี โดยตัว Discovery ads นี้จะเป็นการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google โดยยังใช้คุณสมบัติพื้นฐานอย่างเรื่องการนำเรื่อง Intent User มาใช้ในการระบุเป้าหมายได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งตัว Discovery ads นี้ก็จะนำโฆษณาไปแสดงผลที่ YouTube Home feed , Gmail และ Google Discover นั่นเอง
ข้อดีของ Google Discover Ads คือ ไม่ใช่เป็นตัวโฆษณาแบบ Text อย่างเดียว แต่ยังสามารถใช้งานครีเอทีฟแบบ Carousel Ads (โฆษณาเลื่อนได้)ได้ด้วย ซึ่งสร้างความน่าสนใจได้มากขึ้นกว่าเดิม
2. เปิดตัว Gallery ads
ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวต่อมาคือ โฆษณาที่อาศัยลักษณะเด่นของภาพมาเป็นจุดขาย ปัจจุบันเราจะเห็นว่าการโชว์ผลการ Search นั้นจะเอารูปภาพมาโชว์อยู่ด้านบน ซึ่งเป็นพื้นที่โฆษณาใหม่ที่แบรนด์สามารถลงโฆษณาและโชว์รูปผลิตภัณฑ์ในแบบ Gallery และมีหลายภาพให้คนสามารถเลื่อนดูได้ ทำให้สามารถเล่าเรื่องได้มากขึ้น
ตัว Gallery ads สามารถใส่รูปภาพได้ 4-8 รูป โดยสามารถสร้าง Tagline ได้ มีความยาว 70 ตัวอักษรและมีได้ 3 headline
ทั้งนี้ ทาง Google เผยว่า แคมเปญที่มีการใช้ Gallery ads นั้นสามารถสร้าง Interaction ได้มากกว่าแคมเปญปกติถึง 25% ด้วยกัน ตัว Gallery ads นั้นจะเปิดให้ใช้ได้ในช่วงปลายปีนี้
3. การอัปเกรดตัว Showcase Shopping ads
ตัว Shopping ads ที่โชว์โฆษณาสินค้าต่างๆ บนหน้า search แล้วให้คนเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ได้ทันทีนั้นก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี และจะมีการขยายช่องทางโฆษณาเพิ่มขึ้นในส่วน Google Image, Google Discover และ YouTube ด้วย
4. การอัปเกรด Smart Bidding
ตัว Smart bidding ที่เปิดตัวไปปีก่อนนั้น ถูกพัฒนามากขึ้นด้วย Machine Learning และทำให้สามารถทำอะไรได้ดีขึ้นกว่าเดิม ลึกกว่าเดิม ทำให้ Smart Bidding ทำการ optimize ให้เหมาะกับสิ่งที่สำคัญกับธุรกิจเราได้จริงๆ
สิ่งที่เรียกเสียงปรบมือได้เยอะ คือการที่ Smart Bidding นั้นสามารถทำการเลือก optimize ตัว conversion ได้ในระดับ campaign เช่น บางแคมเปญอาจจะเน้นเรื่อง online sale แต่บางแคมเปญเน้นอีกวัตถุประสงค์หนึ่ง ซึ่งนอกจากการเน้น online sale ยังสามารถเลือก store visit ได้อีกด้วย
นอกเหนือจากนั้นแล้วยังสามารถตั้งค่าอื่นๆ เข้าไปเพิ่มได้ด้วย เช่น การทำโปรโมชั่นตามช่วงเวลา หรือการตั้งเงื่อนไขของ Conversion ต่างๆ เพื่อให้ Smart Bidding ทำงานได้ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับทำให้นักโฆษณาสามารถเข้าใจผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากแคมเปญต่างๆ ได้มากกว่าเดิม
5. Bumper Machine
ตัว Bumper ads เป็นหนึ่งในโฆษณาที่ตอนนี้ใช้กันเยอะมากบน YouTube แต่หลายๆ แบรนด์ยังมีปัญหาอยู่ไม่น้อยกับการผลิตชิ้นงานที่เหมาะสม เพื่อมาใช้กับตัวโฆษณาความยาว 6 วินาทีนี้ เพราะต้องทำโปรดักชั่นกันใหม่และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ล่าสุดทาง Google ได้พัฒนาตัว Bumper Machine ซึ่งจะเป็นระบบช่วยนำคลิปวิดีโอเดิมที่แบรนด์มี (ความยาวต่ำกว่า 90 วินาที) มาทำการผลิตชิ้นงาน Bumper ads ให้ โดยใช้ระบบ Machine Learning ในการทำความเข้าใจตัววิดีโอและทำชิ้นงาน 3-4 ชิ้นขึ้นมาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
6. Custom audiences & Audience expansion
ระบบการหากลุ่มเป้าหมาย (Audience) ของ Google ก็ทำให้เรียบง่ายกว่าเดิม จากที่มี Custom affinity และ Custom intent นั้นมารวมกันเป็น Custom audiences ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ง่ายขึ้น และตัว Interface ก็ทำให้ใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย
นอกจากการทำ Custom audiences ได้แล้ว ยังสามารถขยายกลุ่ม audience ดังกล่าวโดยใช้ Audience Expansion เพื่อสามารถหากลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกับ audience เดิมได้
ตัว Custom audiences และ Audience expansion นั้นจะเปิดให้ใช้กับ Discovery ads และ YouTube ในปีนี้
7. Connected TV & Audio ad inventory
สำหรับในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ (Enterprise) นั้นก็จะมีบริการ Google Display & Video 360 ซึ่งสามารถเลือกโฆษณาในแบบ Audio อย่าง Spotify, Google Play Music และตอนนี้ก็จะสามารถเลือก Inventory ที่อยู่ใน Connected TV ได้แล้วด้วย
8. Deep Linking App
สำหรับแบรนด์ที่มีแอพอยู่แล้วและอยากให้ Search Result นั้นสามารถพาลูกค้าไปยังแอพของตัวเองแทนที่จะไปหน้าเว็บ อาจเคยประสบปัญหาว่าไม่สามารถพาไปถึงหน้าที่ตัวเองต้องการได้บนแอพ ซึ่งตอนนี้ระบบโฆษณาของ Google มีการพัฒนาและทำให้สามารถพาลูกค้าที่เจอสินค้าผ่าน Search นั้นเปิดไปยังตัวแอพและทำการซื้อสินค้าหรือดูข้อมูลจากแอพได้ทันที
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอัปเดตจากงาน Google Marketing Live 2019 ซึ่งในงานยังมี Keynote อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมายมาย และจะเห็นว่าหลายๆ การอัปเดตนั้น ยังไม่ได้เปิดให้บริการ ซึ่งต้องคอยติดตามดูว่าจะเข้ามาให้ผู้ใช้ชาวไทยได้ใช้กันเมื่อไรอีกทีนะคะ
อ่านบทความเพิ่มเติม