เป็นยุคแห่งการแข่งขันเป็นยุคแห่งการทำโฆษณา ทำการตลาดออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ไม่ว่าจะมองไปทางใหนเราก็จะเห็นโฆษณาอยู่เต็มไปหมด วันนี้มาทำความรู้จักกับ KEYWORD ก่อนซื้อ GOOGLE ADS อีกหนึ่งช่องทางการทำโฆษณาออนไลน์
Google Ads หรือ ชื่อเต็มก็คือ Google AdWords คือเครื่องมือ เพื่อใช้ทำ การโฆษณาออนไลน์ บนเครือข่ายของ Google โดยผู้ให้บริการ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ Google ซึ่งเป็น Search Engine อันดับหนึ่ง ของโลก ที่คนไทยกว่า 99% เข้าไปหาข้อมูลต่าง ๆ โดยการให้บริการ จะเสียค่าโฆษณา ก็ต่อเมื่อ มีคนคลิกโฆษณา ของเรา หรือมีการ เผยแพร่โฆษณา ตรงตาม จุดวัตถุประสงค์ ซึ่งการบริการนั้น มีหลากหลายช่องทาง ให้เลือกเพื่อให้ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้า ของเรา อาจมองได้ว่า Google Ads เป็นบริการ ด้านสื่อโฆษณาออนไลน์ ที่จะช่วยให้เรา เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ได้มากยิ่งขึ้น
Google Ads เป็นอีกหนึ่งช่องทาง ทำโฆษณา ออนไลน์ที่หลาย ๆ คนรู้จักกันดี เนื่องจาก เป็นเครื่องมือ อันดับต้น ๆ ที่ผู้ใช้งานจำนวนมากเลือกใช้ พร้อมทั้งยัง มีบริการโฆษณาหลากหลาย อาชิเช่น Google Search, Google Display Network, Video Ads เป็นต้น ซึ่ง Google Ads เป็นเครื่องมือ โฆษณาออนไลน์ บนเครือข่ายของ Google ที่ช่วยให้เรา เข้าถึง กลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้า ได้มากยิ่งขึ้น โดยจะมีค่าใช้จ่าย ในการทำโฆษณา มีรูปแบบ ในการทำโฆษณา ที่หลากหลาย ให้เราได้เลือกใช้ กับเว็บไซต์ ได้ตรงตามเป้าหมาย ที่เราตั้งไว้ แต่องค์ประกอบ สำคัญของการทำ Google Ads ก็คือ เลือก คีย์เวิร์ด( Keyword ) เรามาดูกันว่า Keyword บน Google Ads คืออะไร?
Keyword บน Google Ads คืออะไร?
Keyword เป็นอีกหนึ่ง องค์ประกอบ ที่สามารถวัดผลโฆษณาได้จากการค้นหา ของผู้ใช้งาน ทั้งในหน้ากูลเกิลและยูทูป ผู้ใช้งานจะทำการค้นหาคำต่าง ๆ เหล่านั้น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ ขึ้นบนหน้าการค้นหา ถ้าเลือก คีย์เวิร์ด( Keyword ) ที่ดี และเกี่ยวข้องกับธุรกิจคุณ อาจทำให้ผู้ใช้งาน ค้นหาคุณ เจอได้ง่าย ๆ พร้อมทั้ง เพิ่มโอกาสในการขาย ของคุณอีกด้วย การเลือก เลือก คีย์เวิร์ด( Keyword ) จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก และเลือก คีย์เวิร์ด( Keyword ) ก็มีมากมายหลายประเภท ดังนั้น มาทำความรู้จักกับประเภทของ เลือก คีย์เวิร์ด( Keyword ) กัน ว่ามีประเภทใดบ้าง
ประเภทของของคีย์เวิร์ด( Keyword )
- Broad match
คีย์เวิร์ดรูปแบบนี้เป็นคีย์เวิร์ดรูปแบบกว้าง ก็คือไม่เพียงค้นหาคำที่ตรงกับคำที่ค้นหาเพียงเท่านั้น แต่สามารถหาคำที่ใกล้เคียง คำที่พิมผิดและคำที่เหมือนจะมีความหมายเท่ากับคำที่ต้องการค้นหา มาแสดงผลให้เช่นกัน อย่างเช่น คุณค้นหาว่า กำไล แต่อาจจะมีคำอื่น ๆ ขึ้นมาด้วย ทั้งกำไลข้อมือ กำไลเหล็ก กำไลหยก เป็นต้น ซึ่งข้อดีของคีย์เวิร์ดประเภทนี้ ช่วยให้ธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น เพราะว่าการ Broad match สามารถเข้าถึงได้อย่างกว้างขวาง แต่ข้อเสียคือหากคุณต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกลุ่มเลย อาจจะกลุ่มที่ไม่ใช่เป้าหมายพ่วงมาเยอะและไม่ใช่กลุ่มที่คุณต้องการ การเลือกใช้ Broad match เหมาะกับธุรกิจที่เพิ่งเปิดตัว ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและเป็นจำนวนมาก เช่น Keyword คือ หน้ากาก แต่หากมีคนค้นหาด้วยคำว่า หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า หน้ากากแฟนซี หน้ากากทุเรียน หน้ากาก The Mask Singer โฆษณาของคุณก็จะแสดงผลด้วยเช่นกัน
- Broad match Modifier
คีย์เวิร์ดรูปแบบนี้ จะแคบลงมาจาก Broad match ตรงที่ จะไม่ค้นหาคำที่มีความหมายใกล้เคียง โดยจะมีการใส่เครื่องหมาย + ไว้ข้างหน้าของคีย์เวิร์ดนั้น และคีย์เวิร์ดเหล่านั้น จะสามารถสลับลำดับคำกันได้หรือจะอยู่ข้างหน้า ข้างหลัง อย่างเช่น +แก้ว +กาแฟ ก็จะมีการแสดงผลเป็น แก้วกาแฟ แก้วเซรามิกกาแฟ แก้วร้อนใส่กาแฟ เป็นต้น ซึ่งวิธีนี้จะทำให้การแสดงผลนั้นเฉพาะเจาะจงมากขึ้นกว่าวิธี Broad match
- Phrase match
คีย์เวิร์ดที่มีรูปแบบเจาะจงมากกว่า 2 แบบแรก คือจะแสดงผลตามที่ได้เลือกไว้ โดยจะมีเครื่องหมาย “ ” ปิดหัว-ท้ายของคีย์เวิร์ด สัญลักษณ์ของการใส่คีย์เวิร์ด Phase Match คือฟันหนู “” ล้อมคีย์เวิร์ด Phase Match จะเป็นการใช้คีย์เวิร์ดที่แคบกว่า Board Match แต่ไม่เท่า Exact Match กล่าวคือ เมื่อมีการค้นหาคำ หรือคีย์เวิร์ดที่เราเจาะจงไว้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบคำ ในประโยค หรือในวลีก็ตาม ก็จะโชว์โฆษณาของเรา นับว่าดีในแง่ของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า Board Match นั่นเอง ตัวอย่างเช่น ถ้าเราใส่คีย์เวิร์ดคำว่า “นาฬิกา” แล้วมีคนค้นหาว่า นาฬิกาแขวนผนัง ก็จะแสดงโฆษณาเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการค้นหาคำคำนั้นโดยตรงก็ตาม
- Exact match
สัญลักษณ์ของ Exact Match คือวงเล็บเหลี่ยมล้อมคียเวิร์ด [] เป็นคำค้นหาที่มีความเฉพาะตัวสูงมาก ต้องค้นหาตามคีย์เวิร์ดเป๊ะๆ โดยที่ไม่ผิดพลาดหรือสะกดผิด ถึงจะโชว์โฆษณาของเรา ถ้าหากค้นหาคำที่แตกต่างนอกเหนือจากนี้ โฆษณาของเราจะไม่แสดงโชว์แต่อย่างใด ข้อดีคือได้แสดงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เข้าถึงได้จริง เจาะจงมาก จะช่วยประหยัดงบโฆษณาได้มาก แต่ข้อเสียก็มีคือ อาจเข้าถึงลูกค้าน้อยจนเกินไป ไม่เหมาะกับการทำ Brand Awareness ตัวอย่างเช่น ถ้าหากใส่คียเวิร์ดคำว่า [แชมพู] ถ้าค้นหาคำว่า แชมพูสุนัข โฆษณาที่เราใส่คีย์เวิร์ดคำว่า [แชมพู] ก็จะไม่แสดงโชว์อย่างแน่นอน เท่ากับว่าเป็นการลดการแสดงโฆษณา ของคีย์เวิร์ดการค้นหาที่ไม่ตรงได้อย่างดี
- Negative Keyword
คีย์เวิร์ดประเภทนี้ คือการเลือกนำคีย์เวิร์ดที่ไม่ต้องการให้แสดงในหน้าการค้นหา โดยการใส่เครื่องหมาย - ไว้ข้างหน้าคีย์เวิร์ดนั้น ซึ่งจะช่วยกรองลูกค้าที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของธุรกิจออกไป ง่ายต่อการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ตัวอย่างเช่น +กางเกง -พรีออเดอร์ ก็จะแสดงผลแต่ กางเกงยีนส์ กางเกงผ้าฝ้าย อะไรประมาณนี้ แต่จะไม่แสดงผล กางเกงพรีออเดอร์จากจีน ในหน้าการค้นหา
เป็นอย่างไรกันบ้างเมื่อได้รู้ความหมายและความแตกต่างของ Broad Match, Phrase Match, Exact Match และ Negative Keywords ซึ่งมีประโยชน์และการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งประเภทคีย์เวิร์ดที่กล่าวมาข้างต้น เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการทำโฆษณาบน Google Ads ควรจะทำความเข้าใจและเรียนรู้วิธีการใช้งานของแต่ละประเภท
เพื่อนำไปใช้วางแผน Keyword สำหรับสินค้าและธุรกิจของทุกคนกันได้เลย โดยเลือกใช้ Keyword แต่ละประเภทให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการทำโฆษณาด้วย เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด หรือนำไปปรับใช้กับแคมเปญการตลาดของธุรกิจคุณในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องแข่งขันกันในการทำการตลาดออนไลน์ ถ้าใช้ประเภทคีย์เวิร์ดได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้กับธุรกิจคุณได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม
Severity: Core Warning
Message: PHP Startup: Unable to load dynamic library 'i360.so' (tried: /usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so (libhs_runtime.so.5: cannot open shared object file: No such file or directory), /usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so.so (/usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so.so: cannot open shared object file: No such file or directory))
Filename: Unknown
Line Number: 0
Backtrace: