Priceza แนะนำเรื่องที่ต้องจับตามอง ในเทรนด์อุตสาหกรรม อีคอมเมิร์ซ ( e-Commerce ) ที่จะเกิดขึ้นในปี 2020 รวมทั้งการแข่งขันธุรกิจโลจิสติกส์ในปีหน้าที่จะดุเดือดยิ่งกว่าปีนี้
เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป การทำธุรกิจจึงไม่เหมือนเดิมต้องเดินตามให้ทันโลก จนมาสู่ธุรกิจออนไลน์ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า คนไทยใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 9 ชั่วโมง 11 นาทีต่อหนึ่งวัน ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก
ในเรื่องการช้อปปิ้งออนไลน์ประเทศไทยยังติด 1 ใน 5 ของกิจกรรมในอินเทอร์เน็ตที่คนไทยใช้เวลามากที่สุด โดยจากผลสำรวจพบว่า คนไทยซื้อสินค้าผ่านทาง Social Media 40% (เช่น Line, Facebook, Instagram) e-Marketplace 35% (เช่น Lazada, Shopee, JD CENTRAL) และ e-Tallers หรือ e-Brand 25% โดยการซื้อทั้ง 3 รูปแบบ เป็นการซื้อสินค้าผ่านทางสมาร์ทโฟนกว่า 99%
ทำให้เห็นว่าช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ ( e-Commerce ) ในประเทศไทยกำลังเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยังมีช่องว่างและโอกาสอีกมากที่จะทำให้ธุรกิจของผู้ประกอบการไทยเติบโตมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งขอแนะนำให้อัปเดทเครื่องมือใหม่ๆ มาปรับใช้เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ได้มากที่สุด
Priceza (Priceza.com) นำโดย ธนาวัฒน์ มาลาบุปฝา CEO & Co-founder บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด และนายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย จัดงานสัมมนาเทรนด์ธุรกิจ e-Commerce แห่งปี "Priceza e-Commerce Summit 2020" งานสัมมนาที่รวบรวมวิทยากรจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศกว่า 15 องค์กร จำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 500 คน มองเทรนด์ธุรกิจ e-Commerce ไทยในปี 2020 มี 3 เรื่องที่ต้องจับตามอง
เทรนด์ที่ 1 - e-Commerce is global
อีคอมเมิร์ซ ( e-Commerce ) เป็นการค้าที่ไร้พรมแดนอยู่แล้ว แต่ในปี 2020 จะไม่ใช่แค่ข้ามภูมิภาค แต่จะเป็นข้ามประเทศ อ้างอิงจากข้อมูลของสินค้าใน 3 มาร์เก็ตเพลส (Marketplace) เจ้าดังในประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบจำนวนสินค้าของปี 2018 ที่มีจำนวน 74 ล้านชิ้น และในปี 2019 มีจำนวนสินค้าเติบโตมากขึ้นถึง 174 ล้านชิ้น หรือมากถึง 2.4 เท่า
เมื่อเจาะลึกลงไปจะเห็นว่าเป็นสินค้าที่มาจากประเทศจีนมากถึง 77% ประกอบกับนโยบายของรัฐบาล Free Trade Area ที่จะส่งผลให้ปี 2020 การขนส่งสินค้าจากต่างประเทศจะรวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เทรนด์ที่ 2 - DTC : Direct to Consumer
แบรนด์สินค้าจะสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้ามากขึ้น ซึ่งสอดคล้องจากข้อมูลของ 3 มาร์เก็ตเพลส (Marketplace) เจ้าดังในประเทศไทย ที่มีแบรนด์สินค้าโดยเฉลี่ยทั้งหมด 44,000 แบรนด์ และมีจำนวน Brand Official Shop ทั้งหมด 1,700 ร้านค้า หรือ 4% แสดงให้เห็นว่าจำนวนแบรนด์ที่เข้ามาเปิด Shop ในมาร์เก็ตเพลส (Marketplace) ยังคงมีจำนวนไม่มาก
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2020 จำนวนร้านค้า Brand Official Shop และจำนวนสินค้า จะเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่าตัว ชี้ให้เห็นถึงโอกาสของแบรนด์ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องพึ่งช่องทางการขายแบบเดิมอีกต่อไป
เทรนด์ที่ 3 - Thailand World’s Leader in Social Commerce
ประเทศไทยจะเป็นผู้นำของตลาดโซเชียลอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจากผลการวิจัยเปิดเผยว่า คนไทยยอมรับว่าเคยช้อปปิ้ง ผ่าน Social Commerce มากถึง 40% ถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีจำนวนคนช้อปปิ้งผ่าน Social Commerce มากที่สุดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 Social Commerce Platform ต่างๆ เช่น Facebook, Instagram และ LINE จะสามารถปิดการขายได้ในแอปพลิเคชันเดียว ไม่ต้องเสียเวลาออกไปแอปพลิเคชันธนาคาร เพื่อชำระสินค้าอีกต่อไป
และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในปี 2020 ที่อาจเป็นปีทองของ “e-Commerce Delivery” ได้แก่ บริษัทประเภท Food Delivery (Grab, Get, Line Man) ที่นอกจากจะส่งสินค้าบริโภคได้แล้ว ยังสามารถส่งสินค้า อีคอมเมิร์ซ ( e-Commerce ) ได้ด้วย พร้อมทั้งส่งตรงสินค้าถึงมือผู้บริโภคภายในวันเดียว (Same Day Delivery) Priceza จึงคาดว่า การแข่งขันของธุรกิจโลจิสติกส์ในปีหน้าจะดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอน
ได้รู้การคาดการณ์ล่วงหน้ากันแบบนี้แล้ว ผู้ประกอบการ นักการตลาดทั้งหลาย คงต้องวางแผนและเตรียมตัวรับมือกันให้ดีๆ กับเทรนด์ธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ ( e-Commerce ) ที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้วนะคะ จะได้เดินหน้าก่อนประสบความสำเร็จก่อน!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก thestandard
อ่านบทความเพิ่มเติม