การทำ SEO คือ อะไร ใคร ๆ ก็ทำกัน ?
การเปิดเว็บไซต์ เพื่อทำธุรกิจออนไลน์ ไม่รู้ว่า SEO คืออะไร ไม่ได้อย่างเด็ดขาด การทำ SEO นั้นคือ การปรับแต่งเว็บไซต์ ด้วยเทคนิคต่าง ๆ ทั้งบนเว็บไซต์ (On-page) และนอกเว็บไซต์ (Off-page) โดยทางผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ Google ถูกใจเว็บไซต์ (ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของ Google ที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้ที่สุด) และนำมาแสดงบนหน้าแรก ถ้าหากคุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่พอมีความรู้พื้นฐาน คุณก็สามารถปรับแต่งเบื้องต้นด้วยตัวเองได้เหมือนกัน
โดยเบื้องต้นของ การ ทำ SEO นั้น ก็จะเป็นการปรับบนเว็บไซต์ (On-page Optimization) ทางด้าน Meta Title, Meta Description, Keyword Density, Image Optimization, Website Structure, Site Map และ Page Speed เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และเป็นขั้นตอน ที่คุณควรใสใจที่สุด นอกจากนี้ก็เป็นการทำ Off-page Optimization อย่างเช่น สร้าง Backlink จากการทำ Outreach เพื่อให้ได้ Backlink ที่ดี มีคุณภาพ ซึ่งนั่นก็สำคัญมากเหมือนกัน โดยหากทำลิงก์มั่ว ๆ จะมีโอกาสโดน Google แบนได้เช่นกัน
เหตุผลที่ทุก ๆ คน ควรต้องการ ทำ SEO ให้ติด Google หน้าแรก ยิ่งตำแหน่งอยู่บนเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะว่า CTR หรือว่าอัตราการคลิกเข้าเว็บไซต์จะสูงขึ้น อย่างเช่น เว็บไซต์ที่ติดอันดับ 1-3 ก็มีโอกาสดึง Traffic เข้าเว็บไซต์ได้มากกว่าเว็บไซต์ที่ติดอันดับ 8-10 ยิ่งอยู่ท้าย ๆ ก็จะยิ่งไม่มีใครเปิดมาดูหรอก
Google จะมี Algorithm ที่เหมือนเป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกเว็บไซต์ เพื่อขึ้นแสดงผล ประมาณว่าเว็บไซต์ไหน ที่ผ่านเกณฑ์ของ Google มากที่สุด และเป็นประโยชน์มาก ๆ ต่อผู้ที่ค้นหามากที่สุด ก็จะกลายเป็นลูกรักของ Google และมีโอกาสที่จะได้รับการแสดงผลอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น การทำ SEO นั่นคือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงตามเกณฑ์ของ Google เพื่อให้ทาง Google นำไปจัด Ranking ใน Keyword นั้น ๆ
ทำไมตำแหน่งบน SEO เผลี่ยนไปเปลี่ยนมา ?
ถ้าคุณมีเว็บไซต์ และได้ลองสังเกตดู ก็จะเห็นว่าบางทีก็ขึ้นอันดับ 12 อีกวัน ขึ้นมา 8 อีกวัน ตกไป 16 จากนั้นก็ขึ้นมา 6 (หน้าแรก) แล้วก็ตกกลับไปอันดับ 13 ซึ่งคนที่เริ่มทำ SEO ใหม่ ๆ เองก็อาจจะหงุดหงิดได้เป็นธรรมดา เหตุผลที่อันดับของเว็บเปลี่ยนไปลอด ส่วนใหญ่มาจากที่เว็บของคุณ ที่ยังทำ SEO ได้ไม่แข็งแรง และปัจจัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- โครงสร้างของเว็บไซต์ที่ไม่แข็งแรง และไม่เป็นระบบ ก็อาจทำให้ Google งง เช่น มี Duplicate Pages หรือว่า Duplicate Contents เป็นต้น
- การปรับของ Google Algorithm ที่มีอัปเดต ออกมาแทบจะทุก ๆ วัน ซึ่งหากเว็บไซต์เราไม่ผ่านเกณฑ์ ก็อาจจะได้รับผลกระทบ
- การ Crawl ของ Google Bot ก็จะเข้ามา Crawl ในเว็บบ่อย ๆ อยู่เหมือนกัน หากคุณปรับเว็บ ในส่วนที่กระทบกับ SEO หรือกระทบการ Crawl ของ Google Bot ก็อาจทำให้ Ranking ตกลงได้ อาทิ ปรับแล้วทำให้ Page Speed ช้าลง เป็นต้น
- SEO ของเว็บไซต์คุณยังไม่แข็งแรงพอ ในขณะที่คู่แข่งก็ขยันทำ SEO กันอย่างต่อเนื่อง หากว่า Google เจอว่ามีเว็บไหนดีกว่าของคุณ ก็อาจปรับเว็บนั้น ๆ ขึ้นมาแสดงเหนือกว่าได้
- ปัจจัยอื่น ๆ อาทิ User Experience, Link Profile, Social Signal เป็นต้น
- เว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย เป็นภัยต่อผู้ใช้ อย่างเช่น ระบบ SSL ไม่ทำงาน หรือเว็บไซต์โดนแฮก เป็นต้น
- เว็บไซต์ที่เพิ่งเปิดใหม่ อายุของการใช้งานยังไม่นาน (Google จะเริ่มหันมามองหากเว็บไซต์มีอายุอย่างน้อย ๆ 6 เดือนขึ้นไป)
Google ทำงานอย่างไร ในการเอาหน้าเว็บไซต์ไปแสดง ? ถึงแม้ว่าการทำงานของ Google จะซับซ้อนอยู่มากพอสมควร และเราสามารถสรุปง่าย ๆ เป็น 3 ขั้นตอนหลัก ๆ ของการที่เว็บไซต์ของเราถูกตรวจสอบโดย Google และการนำไปแสดงผล
1. Google Bot ทำการ Crawl เข้าไปในแต่ละหน้าของเว็บไซต์
2. ทำการ Index หน้าที่ต้องผ่านการ Optimize แล้วเข้าไปในลิสต์
3. เมื่อมีคนค้นหาบน Google ระบบ ก็จะเลือกเว็บไซต์ที่มีในลิสต์ที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้มากที่สุดในทุก ๆ ด้านมาขึ้นแสดง
เพราะฉะนั้น เว็บไซต์ที่ไม่ได้มีการทำ SEO หรือว่า ทำ SEO ยังไม่เต็มที่ ก็มีโอกาสที่ Google Bot จะพบว่านั่น ไม่ผ่านการ Optimized จึงไม่ถูกนำเข้าในลิสต์ ส่งผลให้ไม่ถูกนำไปแสดง
และนี่ ก็เป็น หัวใจสำคัญ ของการทำ SEO ที่ ธุรกิจ ที่ไม่ว่าธุรกิจไหน ๆ ก็ควรทำ และควรศึกษาเอาไว้ หากสนใจ สอบถาม ปรึกษาเราได้ที่ https://www.seolnwza.com ได้ทันที
อ่านบทความเพิ่มเติม