สำหรับในโลกออนไลน์แบบนี้ จำเป็นอย่างมากมาย กับการทำ SEO วันนี้ มาดูเกี่ยวกับ เทคนิคการตลาด ที่นักธุรกิจออนไลน์ต้องรู้ อัปเดตล่าสุดเพื่อคุณทุกคนแล้วในบทความนี้
สำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องทำ SEO ?
นั่นเพราะ โดยส่วนใหญ่นั้น การเข้าชมเว็บไซต์ก็มักจะเริ่มมาจากการค้นหาผ่านแพลตฟอร์ม Search Engine ต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีใครเข้าเว็บไซต์โดยตรง ถึงแม้ว่าปัจจุบัน Social Media จะสามารถดึงคนเข้าสู่เว็บไซต์ได้เช่นกัน แต่ทว่า Search Engine ก็ยังเป็นช่องทางหลักสำหรับเว็บไซต์ โดยการเสิร์ชนั้น สำคัญอย่างมาก ก็เพราะ เครื่องมือค้นหาเหล่านี้ ได้สามารถมอบการเข้าถึงที่เฉพาะกลุ่ม เข้าใจง่าย ๆ ก็คือคนที่เข้าเว็บไซต์คุณได้ จากการค้นหานั้น เขาจะต้องมีความสนใจอย่างมาก ที่จะค้นหาข้อมูลหรือซื้อสินค้า หรือในการบริการอยู่ก่อนแล้ว ถึงค้นหาคำต่าง ๆ แล้วจึงคลิกสู่เว็บไซต์ของคุณได้ แตกต่างจากการทำโฆษณา ที่คนต่าง ๆ อาจจะเข้ามาเพียงเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเครื่องมือค้นหาเหล่านี้ ไม่สามารถค้นหาเว็บไซต์ หรือว่า แม้แต่เก็บข้อมูลหน้าเว็บของคุณเข้า ฐานข้อมูลได้ รับรองว่าคุณก็จะต้องพลาดโอกาสดี ๆ ในการที่คนทั่วโลกจะเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณ และคงไม่ต้องถามถึงการทำธุรกิจเลยว่าจะเป็นอย่างไร.. .
หากคุณพร้อมแล้ว เริ่มทำ SEO แล้ว จะต้องทำอย่างไรบ้าง ?
โดยส่วนมากบริษัทต่าง ๆ ก็จะจ้างเอเจนซี่การตลาดโดยตรง มาดูแลเรื่อง SEO ให้เป็นปกติ แต่ประเด็นที่เราอยากให้เจ้าของกิจการ ได้ทำความเข้าใจกับขั้นตอนต่างๆ นั้น เพื่อที่คุณจะได้ช่วยให้คุณทำงานกับเหล่าเอเจนซี่ที่คุณว่าจ้างได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนใครที่กำลังศึกษาการทำ SEO หรือต้องการทำ SEO ด้วยตัวเองขั้นตอนเหล่านี้ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องนำไปใช้
1. ทำแผนการตลาดสำหรับการทำ SEO ทั้งหมด
การทำแผนการตลาดล่วงหน้าจะช่วยให้คุณคุมงบประมาณได้ โดยขั้นตอนนี้คุณก็อาจจะต้องทำไปพร้อม ๆ กับทีมเอเจนซี่ที่คุณว่าจ้าง เพื่อให้พวกเขาเสนอแนวทางและการใช้งบในส่วนต่างๆ ว่าจะลงเงินในส่วนของการทำ SEO เท่าไร และส่วนของค่าบริการเท่าไร ระยะเวลากี่เดือน แล้วต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เสริมเติมหรือไม่ ซึ่งเรื่องเหล่านี้หากคุณไม่วางแผนล่วงหน้าอาจทำให้งบบานปลายได้และควรคุยกับคนที่คุณว่าจ้างให้ชัดเจนถึงสิ่งที่คุณจะได้ เช่น จะมีรายงานผลการทำ SEO ทุกๆ เดือนหรือไม่ เปลี่ยน Keyword ได้จำนวนกี่ครั้ง ใครจะเป็นคนกำหนด Keyword เป็นต้น
2.ค้นหา คีย์เวิร์ด ( Keyword ) ที่คุณต้องการให้เว็บไซต์คุณติดอันดับหรือนำมาทำ SEO
หากคุณเป็นธุรกิจใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีข้อมูลใดๆ ทั้งนั้นเลย ก็สามารถเริ่มทำได้ด้วยการค้นหา Keyword เป็นอันดับแรก ซึ่งหากอยากลองค้นหาด้วยตัวเอง ซึ่งก็จะมีเครื่องมือช่วยค้นหาต่างๆ ดังนี้ แต่ถ้าหากต้องการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็อาจจะต้องจ่ายค่าบริการในบางแพลตฟอร์ม แต่หลักๆ แล้ว Keyword ที่ Optimise ควรมี Search Volume หรือมีปริมาณการเสิร์ชทุกๆเดือน และมีความสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณ
● Uber Suggest
วิธีการก็คือให้คุณพิมพ์ Keyword ที่พอจะนึกเองได้ แต่ต้องเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือสินค้าที่ตนเองทำ เมื่อคุณได้ Keyword มาแล้วก็ลองดูที่ Search Volume ว่าคำไหนเป็นที่นิยมบ้างแล้วจึงลองเลือกมาสัก 3-5 คำ ก่อนก็ได้ จากนั้นค่อย ๆ เอาคำเหล่านั้นที่เลือกไปปรึกษากับคนทำ SEO เพื่อเข้าสู่กระบวนการในลำดับต่อไป
● Ahrefs
อีกหนึ่งเครื่องมือเลย สำหรับตรวจสอบ Keyword ที่เอเจนซี่นิยมใช้กัน โดยความสามารถของเครื่องมือนี้คุณสามารถตรวจสอบได้ว่ามีเว็บไซต์ไหนบ้างที่ลิงก์มาหาเว็บเป้าหมายที่เราตั้งใจจะส่งลิงก์ไปมั้ย ทำให้เราสามารถดูสถานการณ์ของคู่แข่งแล้วนำมาปรับกลยุทธ์ SEO ของเราว่าควรทำ Backlink จากที่ไหนก่อนหรือหลัง อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบ Backlink ของเราและคู่แข่งได้ ดูว่าอันไหนที่ไม่เหมือนกันบ้างทำให้เราไม่ต้องไปเสียเวลาสร้าง Backlink ซ้ำ
● Google Keyword Planner
เป็นเครื่องมือที่ทาง Google ออกแบบมาเพื่อให้คุณค้นหา Keyword ทั้งยังสามารถตรวจสอบได้ถึงค่าต่างๆ ว่าแต่ละคำนั้นมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร จุดประสงค์หลักของเครื่องมือนี้คือเอาไว้ช่วยให้คนทำ Google Ads สามารถวางแผนโฆษณาของตัวเองได้ดีขึ้นแต่ก็สามารถนำมาปรับใช้สำหรับงานทางด้าน SEO เพื่อดูสถิติของแต่ละ keyword ได้เช่นกัน
3.ปรับแต่งเว็บไซต์
ถ้าเกิดว่าคุณยังไม่มีเว็บไซต์มาก่อน ก็ถือว่าได้เปรียบเพราะสามารถสร้างเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับสิ่งที่ Google กำหนดไว้สำหรับการทำ SEO ได้ตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ต้องมาแก้กันให้วุ่นวาย แต่ถ้าคุณมีเว็บไซต์เก่าอยู่แล้วและไม่ได้อัปเดตเลยเป็นเวลาหลายปี ถึงเวลาที่คุณจะต้องปรับเว็บไซต์ให้สนับสนุนการทำ SEO แล้ว
สำหรับเว็บไซต์ที่จะได้คะแนนจาก Google จะต้องเป็นหน้าเว็บที่มี Content ที่แฝงไปด้วย Keyword ในตำแหน่งต่างๆ กระจายอยู่ทั่วทุกหน้าของเว็บไซต์ (ตรงนี้ล่ะที่คุณจะได้นำ Keyword ที่หาในหัวข้อก่อนหน้ามาใช้) เพราะเว็บไซต์ที่ SEO ขึ้นเร็วๆ มีลักษณะที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ มีตัวหนังสือเยอะ หรือที่เรียกว่า “Onsite” ตรงส่วนนี้อาจทำเพียงครั้งเดียวเลยก็ได้ถ้าไม่มีการเปลี่ยน Keyword และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ Link ที่ต้องใส่ทั้งภายในเว็บไซต์ตัวเอง (ลิงก์กันไปมาระหว่างหน้าต่างๆ) กับ Link ที่แปะไว้นอกเว็บไซต์แล้วชี้เป้ากลับเข้ามายังเว็บไซต์ของตน ก็คือ Backlink นั่นเอง
4. ส่งคอนเทนต์ของเราไปสู่เว็บไซต์ข้างนอก
วิธีการนี้เราจะเรียกว่า Outreach โดยส่วนประกอบของคอนเทนต์ประเภทนี้นอกจากจะแฝงคำ Keyword ไปในคอนเทนต์แล้วยังจะมีการแทรกลิงก์เพื่อทำเป็น Backlink ให้คนอ่านคอนเทนต์คลิกเข้ามาบนหน้าเว็บไซต์ของเรา
โดยหลาย ๆ คน ก็อาจสงสัยว่าเราจำเป็นต้องทำทั้ง Blog กับ Outreach Content เลยหรือไม่ คำตอบคือ “ควรทำ” ความแตกต่างของสองประเภทนี้คือ Blog จะทำหน้าที่บนเว็บไซต์ของคุณ อาจมีการลิงก์ยังหน้าอื่นๆ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงอย่างมีประสิทธิภาพในหน้าเว็บ ส่วน Outreach จะทำหน้าที่เป็นคอนเทนต์ที่ถูกนำส่งไปยังเว็บไซต์ต่างๆ โดยจะมีการแทรก Backlink เข้าไปทุกๆ Content ที่ถูกเขียนขึ้น เพื่อให้ผู้อ่านได้ลิงก์กลับเข้ามาในหน้าเว็บไซต์ของเรา เพราะ Google มองว่า เว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพจะต้องมีการเข้าถึงได้หลากหลายช่องทาง ยิ่งมีการลิงก์ถึงมากก็ทำให้คะแนนของหน้าเว็บนั้นๆ ของเราสูงขึ้น
5. ให้ Social Media เป็นตัวช่วย SEO ของคุณ
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว Social Media ก็มีส่วนช่วยให้การทำ SEO ของคุณได้ด้วยเช่นกัน โดย Social Media จะช่วย SEO ในแง่ของการที่คอนเทนต์ถูกแชร์ออกไป อาจจะเป็น Outreach หรือ Blog ก็ได้ เพราะในคอนเทนต์เหล่านั้นเราใส่ Keyword พร้อมกับทำ Backlink ไว้อยู่แล้ว เมื่อมีการแชร์เยอะ คนอ่านมาก คะแนนของ Keyword นั้นๆ ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปตามลำดับ
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าจริง ๆ แล้ว ในขั้นตอนการทำ SEO ดูจะไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะทุก ๆ อย่างถูกวางไว้เป็นแพทเทิร์น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่ Google ได้วางเอาไว้ สิ่งสำคัญมาก ๆ เลย คุณต้องคอยตรวจสอบ ปรับปรุง ควบคุมคุณภาพของการทำ SEO อย่างสม่ำเสมอ หากคุณปล่อยปละละเลยไปแม่เพียงแค่ช่วงสั้นๆ เว็บไซต์คู่แข่งก็อาจจะนำหน้าแซงลำดับคุณไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ห้ามละสายตาเลยแหละ เพราะใคร ๆ ก็ทำ SEO เหมือนกัน โดยเฉพาะคู่แข่ง เห็นไหมคะว่า การทำ SEO นั้นสำคัญกับการทำธุรกิจในโลกปัจจุบันมากแค่ไหน อย่ารอช้า ติดต่อเรา https://www.seolnwza.com ได้ทันทีค่ะ
อ่านบทความเพิ่มเติม