ในปัจจุบัน การทำ SEO ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้ธุรกิจของเรา ก้าวหน้า และเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น วันนี้เราเลยอยากจะมาแนะนำ เครื่องมือ หรือตัวช่วยดีๆในการทำ SEO อย่าง SEMrush ที่บอกได้เลยว่า เป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในปี 2023 เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปทำความรู้จักเครื่องมือตัวนี้กันเลยดีกว่า
SEMrush คืออะไร?
SEMrush เป็นแพลตฟอร์ม การตลาดดิจิทัล ที่ครอบคลุม ซึ่งมีชุดเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพ ในการค้นหาในโลกออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การวิจัยคําหลักเชิงลึก ตรวจสอบการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหา วิเคราะห์กลยุทธ์ของคู่แข่ง การโฆษณาแบบออร์แกนิก และ แบบชําระเงินใหม่ และ นอกจากนี้ SEMrush ยังช่วย ในเรื่องของ การจัดการสื่อสังคมออนไลน์ การตลาดเนื้อหา การจ่ายต่อคลิก ( PPC ) แคมเปญที่จัดทําขึ้น สําหรับ ธุรกิจทุกขนาด ที่ต้องการปรับปรุงกลยุทธ์ การตลาดดิจิทัล และยัง ใช้งานง่าย สําหรับผู้เริ่มต้น การทำ การตลาดดิจิทัล เช่น SEO ( Search Engine Optimization )
คุณสมบัติของ SEMrush
ซึ่งคุณสมบัติของ SEMrush มี 7 คุณสมบัติด้วยกัน ได้แก่
1. เครื่องมือวิจัยคําหลัก – การวิจัยคําหลัก และ การค้นพบ
เครื่องมือวิจัยคําหลักนี้ ช่วยให้คุณ สามารถระบุคําหลัก ที่เกี่ยวข้อง ที่คุณต้องการจัดอันดับ คําหลักแต่ละคํา จะให้ข้อมูล ที่สําคัญบางอย่าง ที่คุณสามารถ ใช้เพื่อระบุว่า คําหลักนั้น มีค่าควรแก่การกําหนดเป้าหมาย หรือไม่ ตัวอย่างเช่น การบอกปริมาณการค้นหาต่อเดือน ระดับการแข่งขัน
2. ภาพรวมคําหลัก – การแยกคําหลัก
หากคุณคลิกที่คําหลักจากส่วนขยาย คําหลัก หรือ พื้นที่อื่น ๆ คุณสามารถ ดูข้อมูลที่สําคัญยิ่งขึ้น เกี่ยวกับ คําหลักนั้นได้
3. ตัวจัดการคําหลัก
คุณสมบัตินี้ จะช่วยให้คุณสร้าง และ จัดการรายการคําหลัก เป้าหมายทั้งหมดของคุณได้ ทําให้ง่าย ต่อ การจัดระเบียบ คําหลักต่าง ๆ ของคุณ จากนั้นคุณสามารถส่งออกรายการ คําหลักของคุณเพื่อเก็บไว้ ได้ตลอดเวลา
4. การติดตามตําแหน่ง – การวัดการจัดอันดับ เว็บไซต์
คุณสมบัติการติดตามตําแหน่ง อนุญาตให้คุณ เพิ่มและติดตามคําหลักหลัก ที่เว็บไซต์ของคุณจัดอันดับ ในแต่ละสัปดาห์คุณจะได้รับ อีเมลอัปเดต สําหรับคําหลักที่คุณเลือก เพื่อให้คุณได้สามารถ ปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ของคุณได้
5. ภาพรวมโดเมน – การวิจัยเชิงแข่งขัน
คุณสามารถดูคําหลักของ บริษัท หน้าเว็บไซต์และอื่น ๆ ภาพรวมโดเมน สามารถช่วยให้คุณ ค้นพบโอกาส เช่น คําหลักที่คู่แข่งของคุณกําลังจัดอันดับ
6. Backlinks – ค้นพบโอกาสในการทำ backlinks
ในส่วนนี้คุณสามารถ ระบุทุกสิ่ง ที่เกี่ยวข้อง กับ backlinks ของคู่แข่ง สิ่งนี้จะช่วยให้คุณ ค้นหาโอกาส ในการทำ backlinks ( Backlinks : นี่คือลิงค์ขาออกจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ชี้ไปที่หน้าเว็บไซต์ของคุณ ยิ่งคุณได้รับการเชื่อมโยงย้อนกลับ ที่มีคุณภาพสูงมากเท่าไหร่ หน้าเว็บไวต์ของคุณ ก็ยิ่งมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นเท่านั้น
7. การตรวจสอบเว็บไซต์ – วัดสุขภาพเว็บไซต์ของคุณ
การดูสุขภาพโดยรวม ของ เว็บไซต์ของคุณ SEMrush ช่วยให้ทุกคนเข้าใจสุขภาพของเว็บไซต์ได้ง่าย คุณสามารถเห็นข้อมูล ที่สําคัญเช่น ข้อผิดพลาดคําเตือน และ ปัญหาในเว็บไซต์ของคุณเพียงส่งออกรายงาน และ แบ่งปันสิ่งนี้ กับ นักพัฒนา ของคุณ เพื่อช่วยจัดการ และ รับรองว่า เว็บไซต์ของคุณ ไม่มีข้อผิดพลาด
ราคาของเครื่องมือ SEMrush
สามารถ ทดลองใช้ฟรีได้ 7 วัน หลังจากนั้นต้องเสียค่าบริการ ได้แก่
1. แบบ Pro 119.95 ดอลล่า/เดือน
2. แบบ Guru 229.95 ดอลล่า/เดือน
3. แบบ ธุรกิจ 449.95 ดอลล่า/เดือน
SEMrush ใช้แล้วคุ้มค่าหรือไม่?
ตอบได้เลยว่า SEMrush เป็นแพลตฟอร์ม การตลาดระดับพรีเมี่ยม ที่ให้เครื่องมือที่จําเป็น ทั้งหมด สําหรับการวิจัยคําหลัก เพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหา ของคุณ การวิจัยเชิงแข่งขัน การรายงาน และอื่น ๆ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ ขึ้นอยู่กับ เป้าหมายทางการตลาด งบประมาณ ประเภทธุรกิจ และ ข้อกําหนดส่วนบุคคล ของคุณอีกด้วย
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับ เครื่องมือดีๆที่เราเอามาแชร์ให้ในวันนี้ แต่หากใคร หรือธุรกิจไหนกำลังอยากหาบริษัทที่รับทำ SEO บอกได้เลยว่า บริษัทของเรา มีทีมที่เชียวชาญและมีประสบการ์ณในการทำ SEO มาอย่างยาวนาน หากใครสนใจสามารถติดต่อได้ที่ เว็บไซต์ของเราได้เลย
อ่านบทความเพิ่มเติม :