SEO คือ การปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาให้ติดอันดับการค้นหาในตำแหน่งที่ดีที่สุดใน Search Engine ซึ่ง SEO จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้มากขึ้นจากการค้นหาแล้วเจอคุณ ดังนั้นหันมาทำ SEO กันเถอะ
การสร้างเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกของ Search Engine ที่คนนิยมใช้อย่าง Google นั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธีใหญ่ๆ คือ การลงโฆษณากับ Google Ads และ การทำ SEO แต่การทำ Google Ads เป็นการทำโฆษณาแบบ Pay Per Click (PPC) คือ เมื่อคลิกที่โฆษณานั้นก็จะลิงค์ไปยังเว็บไซต์ที่กำหนดไว้ได้ทันที ซึ่งคุณจะเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีคนคลิกเท่านั้น ทำให้ต้องใช้งบประมาณเยอะกว่า
ส่วนการทำ SEO นั้น อาจจะลงทุนมากในครั้งแรกเพื่อปรับในหลายๆ ส่วน แต่เมื่อติดอันดับการค้นหาแล้วมักจะยั่งยืนกว่าและคุ้มค่าในระยะยาวอีกด้วย ซึ่งปัจจัยหลักๆ ที่มีผลต่อการจัดอันดับมีอยู่ 2 ปัจจัย ได้แก่ On-Page SEO (ปัจจัยภายใน) และ Off-Page SEO (ปัจจัยภายนอก)
On-Page SEO
On-Page SEO คือ การทำ SEO ภายในเว็บไซต์ ด้วยการปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีโครงสร้างที่เหมาะสมกับการทำ SEO จากปัจจัยภายในซึ่งคุณเป็นผู้กำหนดและควบคุมอยู่แล้ว ซึ่งการทำ On-Page SEO มีหลักหรือแนวทางในการทำอยู่มากมาย
Crawl Ability : โครงสร้างของเว็บไซต์ที่เอื้อต่อการเก็บข้อมูลของ Search Engine
Site Volume : จำนวนหน้าภายในเว็บไซต์ (Index)
Site Theme : ลิงค์เชื่อมโยงเนื้อหาภายในเว็บไซต์
Text Match : การเลือกใช้คำที่เกี่ยวข้องกับ Keyword
User Experience (UX) เช่น PageSpeed : ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ Mobile friendly : การแสดงผลบนหน้าจออย่างเหมาะสมบนอุปกรณ์ต่างๆ (Responsive Web Design)
ดังนั้นการทำ On-page SEO ควรเลือก Keyword ให้สอดคล้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ ใส่ Keyword พอประมาณอย่ามากจนเกินไป และใส่ในส่วนที่มีความสำคัญ เช่น Title Tag, Meta Description, H1 tag, H2 tag และ alt tag เป็นต้น หลีกเลี่ยงการใช้ Keyword ซ้ำกันเป็นจำนวนมากเพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็น Keyword Spam รวมทั้งสร้างเนื้อหาหรือบทความที่มีคุณภาพและสนับสนุนหรือเกี่ยวข้องกัน พร้อมทำลิงค์เชื่อมโยงเพื่อให้อ่านต่อด้วย
และอย่าลืมปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ ด้วยการเลือกใช้โครงสร้าง URL ที่ Search Engine และ User สามารถอ่านได้ง่าย โดยใช้คำภาษาอังกฤษและใช้เครื่องหมาย – แบ่งระหว่างคำ จัดแบ่งหมวดหมู่เนื้อหาหรือสินค้าให้เป็นระบบระเบียบ เข้าใจง่าย และต้องทำหน้าเว็บไซต์ให้โหลดได้เร็วด้วย เพื่อไม่ให้ User ต้องรอนานจนหนีไปเว็บอื่น ที่สำคัญในตอนนี้ที่ไม่ควรพลาดคือ การทำหน้าเว็บไซต์ให้รองรับกับอุปกรณ์มือถือ (Mobile-friendly)
Off-Page SEO
Off-Page SEO หรือ ปัจจัยจากภายนอก คือ Backlink หรือ ลิงค์จากเว็บไซต์อื่น โดยอาจเป็นลิงค์ที่ผู้อื่นสร้างให้เว็บไซต์คุณ หรือ ลิงค์ที่คุณสร้างด้วยตัวเอง สามารถแบ่งได้เป็น Link Popularity : ปริมาณ Backlink ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณ และ Site Theme : คุณภาพของเนื้อหาและ Backlink ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณ
การเพิ่ม Backlink ที่มีคุณภาพนั้น ควรสร้างลิงค์จากเว็บไซต์อื่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ ป้องกันการโดนแบนจาก Google โดยเลือกเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือและมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือ Keyword ของคุณ และควรหลีกเลี่ยงการสร้างลิงค์ด้วยบทความเดิมซ้ำๆ สร้างลิงค์ด้วยการโพสต์ตามเว็บบอร์ดด้วย
หลังจากที่เริ่มทำ SEO แล้ว หากเว็บไซต์ติดในหน้าแรกของผลการค้นหาแล้ว อย่าชะล่าใจ ต้องคอยอัปเดตเว็บไซต์อยู่เสมอ ด้วยการเพิ่มเนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพิ่ม Backlink ที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาอันดับเอาไว้ ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก seosolution1st
อ่านบทความเพิ่มเติม
Severity: Core Warning
Message: PHP Startup: Unable to load dynamic library 'i360.so' (tried: /usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so (libhs_runtime.so.5: cannot open shared object file: No such file or directory), /usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so.so (/usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so.so: cannot open shared object file: No such file or directory))
Filename: Unknown
Line Number: 0
Backtrace: