โดยปกติแล้วในความเข้าใจทั่วไป เมื่อมีการพูดถึง SEM หรือ Search Engine Marketing จะหมายถึงการทำการตลาดบนพื้นที่ของ Search Engine ที่รวมทั้งในรูปแบบที่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา(Paid Search Traffic) และไม่เสียเงินค่าโฆษณา(SEO, Organic Search Traffic) เข้าไว้ด้วยกัน
ความเข้าใจในสายงาน Search Marketing แต่ในสายงานของผู้เชียวชาญการทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Search Engine ทั้ง SEO Specialist และ SEM Specialist ต่างมีคำนิยามที่ตรงกันว่า SEO คือการทำการตลาดบน Search Engine แบบเสียตังค์และไม่เสียอะไรเลย
SEO(Search Engine Optimization)
ผู้รับผิดชอบทางด้าน SEO จะมีหน้าที่ในการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้ Search Engine เข้าใจเว็บไซต์ของเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเก็บข้อมูลเว็บไซต์(crawling) ทำดัชนีเว็บไซต์ของเรา(indexing) และจัดอันดับเว็บไซต์(ranking) ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เป็นกระบวนการของ Search Engine
SEM(Search Engine Marketing)
จะมีหน้าที่ในการลงโฆษณา(แบบมีค่าใช้จ่าย) บนแพลตฟอร์มของ Search Engine เพื่อที่เว็บไซต์ของตนจะได้ไปปรากฏอยู่บนผลการค้นหาในทันที ซึ่งในพื้นที่ของ SEM ก็จะมีคำศัพท์เพิ่มเติม นั้นคือ PPC หรือ Pay-per-click ซึ่งเป็นรูปแบบการคิดโฆษณาพื้นฐานของ Search Engine ที่จะคิดค่าใช้จ่ายกับผู้ลงโฆษณา เมื่อมีการคลิก Ads โฆษณาบน Search Engine
SEM vs SEO ต่างกันอยางไร
SEM
ข้อดี: สามารถขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ บน Search Engine ได้ในทันที ด้วย ‘คีย์เวิร์ด’ ที่ต้องการ
ข้อเสีย: เมื่อเงินหมด ทราฟฟิคจาก SEM ก็หมดตาม
SEO
ข้อดี: เมื่อเว็บไซต์สามารถไปปรากฏบนผลการค้นหา จะมีทราฟฟิคไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ข้อเสีย: ใช้เวลานานในการทำ SEO, ไม่การันตีผลลัพธ์
Search Marketing ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปที่คน ๆ หนึ่ง หรือบริษัทหนึ่ง ๆ จะมุ่งไป เพื่อเป็นจิ๊กซอว์ที่สำคัญให้การทำการตลาดออนไลน์ Digital Marketing จนประสบความสำเร็จต่อไป
อ่านบทความที่น่าสนใจ