ปัจจุบันนี้ อย่างที่เรา นั้นทราบกันดีว่า การทำ SEO เป็นอะไร ที่ต้องใช้เวลา และเงินจำนวนไม่น้อยเลย เพื่อแข่งขันให้เว็บไซต์ของธุรกิจ แบรนด์ของเรา นั้นติดอันดับต้น ๆ บน Search engine เราต่าง คงใช้สำนวนที่ว่า “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะว่า ในยุคนี้ ปลาที่เร็วเท่านั้นแหละ ถึงจะปรับตัว และสามารถอยู่รอดได้ จึงเป็นสาเหตุ และที่มา จนทำให้หลาย ๆ ธุรกิจนั้น เร่งตัวเองเพื่อแซงหน้าคู่แข่ง แต่ในขณะเดียวกันนั้น เงินที่ลงทุนไปก็ต้องคุ้มค่าด้วย
หากคุณเป็นหนึ่งในธุรกิจ ที่มีความต้องการจะทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของตัวเอง นั้นได้ปรากฏในอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหาใน Google แล้วล่ะก็ วันนี้ seolnwza จะมาแบ่งปัน 4 เทคนิคการทำ SEO ที่สามารถช่วยให้คุณ ได้ประหยัดเงิน และสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตนเอง
ขั้นตอนที่ 1 : การปรับปรุง Title Tags ให้ตรงกับคำค้นหา ของผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด
Title Tags คือ อะไร ? ซึ่ง Title Tags หรือว่า ข้อความที่แสดง อยู่บนส่วนบนของเบราเซอร์ ที่มีไว้สำหรับใช้เป็นหัวข้อสำหรับ ในหน้านั้น ๆ โดย Google จะดูจาก Title Tag ว่าหน้านี้ นั้นมีหัวข้ออะไร เกี่ยวข้องกับอะไร ? และข้อความนี้จะไม่แสดงในเว็บไซต์ แต่ว่าจะแสดงเฉพาะหน้าผลการค้นหาของ Google ขึ้นอยู่กับคำ หรือว่า ข้อความที่ผู้ใช้ใช้ค้นหา เพราะฉะนั้นแล้ว ในการเลือกใช้คำ คีย์เวิร์ด ( Keyword ) จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ๆ กับ การทำ SEO เพราะว่า ถ้าคุณไม่ได้มีการวิเคราะห์การเลือกใช้ คีย์เวิร์ด บน Title Tag หรือว่า คำที่คุณใช้มันดูไม่ make sense เทคนิคนี้ ก็อาจจะเป็น 1 เทคนิค ที่สามารถจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ ได้ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาของ Google ก็เป็นได้
ขั้นตอนที่ 2 : วิเคราะห์คีย์เวิร์ดให้เหมาะสมก่อนนำมาใช้กับเว็บไซต์
แน่นอนเลย ว่าที่ผ่านมายังไม่มีเครื่องมือ ที่สามารถใช้ในการวิเคราะห์สถิติ รวมทั้ง การใช้คีย์เวิร์ดบนโลกออนไลน์อย่างมากเท่าไหร่ แต่ว่าในปัจจุบันนี้เทคโนโลยี ต่างก็ได้มีการพัฒนาขึ้นเร็วมาก ทำให้เราสามารถหาเครื่องมือ ที่สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดได้ง่ายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Keyword Planner ซึ่งสิ่งที่คุณนั้นจะต้องวิเคราะห์มีอยู่ 3 ข้อด้วยกัน ได้แก่
● คีย์เวิร์ดหรือว่าประโยคไหนบ้าง ที่ผู้คนนั้นมักจะค้นหาจริง ๆ
● กำหนดคีย์เวิร์ดหลัก ๆ ที่คุณสามารถจะนำไปใช้
● ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ว่ามีความต้องการอะไรบ้าง ?
เมื่อคุณทำการวิเคราะห์ 3 ข้อนี้แล้ว คุณก็จะพบว่าคีย์เวิร์ด ที่คุณใช้ในปัจจุบันนั้น ต่างมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน ? ในการจัดลำดับของ Google นั่นเอง
ขั้นตอนที่ 3 : เฝ้าจับตาดูลักษณะคอนเทนต์ของคู่แข่ง
หากคุณ ใช้คีเวิร์ดผิดชีวิตเปลี่ยน นั้นเป็นจริงหรือไม่ ? โดยปัจจัยหนึ่ง ที่กลายเป็นอุปสรรคทำให้เว็บไซต์ของคุณ นั้นไม่ติดอันดับสักที อาจเป็นเพราะ คีย์เวิร์ด ที่คุณได้เลือกใช้นั้น เป็นคีย์เวิร์ดที่คุณอาจจะต้องไป แข่งกับคู่แข่งรายใหญ่ ๆ อยู่ก็เป็นไปได้ ดังนั้นแล้ว สิ่งที่คุณควรจะทำ นั่นคือ
● คู่แข่งของเขา ถูกจัดอยู่ลำดับไหน ของ Google Search ควรตรวจสอบ
● เนื้อหาอะไรบ้างบนเว็บไซต์ ที่คู่แข่งมี แต่ว่า คุณไม่มี
● คู่แข่งของคุณกำหนดคำหลัก ๆ ในเว็บไซต์ของเขาพวกเขาอย่างไร
● คู่แข่งของคุณเขา นั้นมีส่วนร่วมกับลูกค้าอย่างไร
ขั้นตอนที่ 4 : หมั่นสร้างเนื้อหาบนเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง
อย่าปล่อยให้เว็บไซต์ของคุณเงียบ เพราะว่า เนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ คุณจะต้องสร้างมันอย่างต่อเนื่อง และต้องปรับแต่งให้เหมาะกับผู้เข้าชมเว็บไซต์อยู่เสมอ ๆ บางครั้งอาจไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการโพสต์บล็อกใหม่ ๆ และคอนเทนต์ต่าง ๆ ในทุกวัน เราอยากให้โฟกัสกับการลงเนื้อหาที่ไม่ซ้ำใครจะดีกว่า หากคุณจะลงคอนเทนต์แบบต่างๆ อาจจะลงเป็นรายสัปดาห์หรือรายเดือนก็ได้ สำคัญที่ความสม่ำเสมอของการลงคอนเทนต์บนเว็บไซต์นั่นเอง
เห็นแล้วใช่มั้ยคะทุกคน ว่าทั้ง 4 เทคนิคนี้ คุณเองก็สามารถทำมันได้ด้วยตัวคุณเอง ถือเป็นเทคนิคที่สามารถช่วยทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับในการค้นหาใน Search engine ได้เลย โดยหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ สำหรับเจ้าของธุรกิจ และผู้ที่อยากจะปรับแต่ง SEO ของเว็บไซต์ให้ดีขึ้นด้วยตนเองโดยไม่ต้องเสียเงินอีกด้วยค่ะ
อ่านบทความเพิ่มเติม