ทุก ๆ ปี ก็จะเริ่มมีธุรกิจใหม่ ๆ ผุดขึ้นในแต่ละวัน การแข่งขันเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อ่านก็สูงขึ้น จำเป็นต้องพัฒนาเครื่องมือ เพื่อที่จะอยู่เหนือกับแนวโน้ม ทางด้าน SEO จะช่วยให้คุณ มีการติดอันดับที่อยู่ต้น ๆ ของการค้นหา
หากสามารถปฏิบัติตาม ข้อกำหนดเฉพาะที่เครื่องมือค้นหาใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ Google ทำการเปลี่ยนแปลงหลายร้อยครั้งในอัลกอริทึมการค้นหาทุกปี แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ จะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่ก็อาจส่งผลต่ออันดับการค้นหาของคุณ นี่คือแนวโน้ม SEO บางส่วนที่ว่าจะได้เห็นในปี 2020 ว่ามีการพัฒนาอะไรมาบ้างกันแล้ว
การค้นหาด้วยเสียง
รองรับให้กับผู้ค้นหาว่าพวกเขาพูดอย่างไร จากข้อมูลในช่วงปี 2017 เริ่มการค้นหาคำสั่งด้วยเสียง ประมาณ 33 ล้านข้อความในปีนั้นปีเดียว และเริ่มมาในปี 2019 เริ่มมีการใช้ที่มากขึ้นถึง 20% จากข้อความทั้งหมด มีความสอดคล้องตรงที่ส่วนที่ว่า ประชากรเริ่มเข้าถึง สมาร์ทโฟน และอินเตอร์เน็ต ที่มากขึ้น
โดยส่วนมากผู้ค้นหาด้วยเสียง จะใช้อุปกรณ์พกพา สมาร์ทโฟน จีพีเอส โทรศัพท์ เป็นต้น
ด้วยความที่สะดวก เพียงแค่พูดชื่อที่ต้องการค้นหา ข้อมูลก็จะปรากฏอย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถใช้งานได้ในหลากหลายสถานการณ์ เช่น ขณะกำลังขับรถ กำลังทำอาหาร อาบน้ำ จะเห็นได้ว่า โดยกิจกรรมที่กล่าวมานั้น ส่วนใหญ่จะไม่มีโอกาสได้จับโทรศัพท์ ถ้าหากจับก็อาจจะอันตรายได้ หรือสร้างความเสียหายต่าง ๆ ได้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเครื่องมือ ที่ช่วยผู้ค้นหา ได้ใช้งานอย่างมากมาย ยิ่งมีการทำเนื้อหา และเพิ่มคำสั่งเสียงเข้าไปด้วย การค้นหาก็จะถูกติดอันดับที่มากขึ้น
สิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดคือ ผู้ค้นหา ส่วนใหญ่ จะไม่สะดวกในการใช้คีย์บอร์ด ในการกดค้นหา จึงต้องใช้คำสั่งเสียง จะเห็นได้ว่า ระยะเวลาที่ผู้ค้นหาเข้ามานั้น จะมีเวลามากกว่าผู้ค้นหาที่ใช้คีย์บอร์ดในการค้นหาอย่างแน่นอน
แสดงตัวอย่างเนื้อหา ส่งผลให้ครองอันดับที่นานมากขึ้น
การแสดงตัวอย่างเนื้อหาที่น่าสนใจ จะเป็นข้อมูลที่ถูกสรุปออกมา หรือเนื้อหาแบบย่อ เพื่อสำหรับการค้นหากับทาง Google หรือที่เรียกว่า SERP (Search Engine Result Page) ผลลัพธ์ในการจัดอันดับ โดยส่วนหลักการนั้นมาจาก ตั้งเป้าไปที่คำค้นหา หรือคำอ้างอิงหลัก ตามคำถามนั้น ซึ่งใช้คำถามจากส่วน คนถามนั้นด้วย เนื่องจากมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคำถาม ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาคำตอบให้เป็นเชิงลึกที่มากขึ้น
เลือกใช้ ดารา หรือ Influencers (Youtuber, Tiktok, Content creator,) เป็นคำค้นหาแทน
นักการตลาดจำนวนมาก เริ่มใช้คนเหล่านี้ ถ้าตรวจสอบการใช้จ่ายของธุรกิจต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าใช้งบประมาณของการตลาด มากกว่าครึ่งหนึ่ง
สถิตินี้ชี้ให้เห็นว่า ความสำคัญของการตลาดควบคู่กับ Influencers ยิ่งมีผลประโยชน์อย่างมาก ถ้าเป็นธุรกิจการท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือแฟชั่น จะมีความรวดเร็วของข้อมูลอย่างมาก ผู้ใช้งานออนไลน์จะเห็นการโฆษณาอย่างมากมาย แน่นอนต้องพยายามหาข้อมูลที่เชื่อถือได้ บ่อยครั้งที่มาของข้อมูลส่วนใหญ่จะมาจาก Influencers มีแนวโน้มที่จะเชื่อถือข้อมูล มากกว่าเชื่อโฆษณา
ซึ่งจะเริ่มเห็นความสัมพันธ์ระหว่าง Influencers กับ SEO ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างผู้เข้าชม และขยายผลลัพธ์การขายที่มากขึ้น แต่ซึ่งแน่นอนว่าการลงทุนแบบนี้ ไม่มีการรับประกันว่าจะสำเร็จ ถ้าหากไม่มีการวางแผนที่ดี หรือเนื้อหาเพื่อสนับสนุนอย่างถูก ก็จะล้มเหลว และไม่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ชม
เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดกับเงินที่ลงทุนไป ให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับ Influencers และนำลิงก์ส่งย้อนกลับไปที่เว็บไซต์ สิ่งนี้จะมีอิทธิพลต่อ Google และเพิ่มความสามารถทางด้าน SEO
ควรมี BERT
นั้นย่อมาจาก Bidirectional Encoder Representations from Transformer ซึ่งมันคือ ปัญญาประดิษฐ์ ของ Google Algorithm ที่ในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้ มันได้พัฒนาบนพื้นฐานของเทคโนโลยี AI neural network เพื่อให้เข้าใจภาษามนุษย์ มากขึ้น ก็ได้เปิดให้นักพัฒนาระบบจากทั่วโลกเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเจ้าอัลกอริทึมเวอร์ชั่นนี้ในปีที่ 2018
นักการตลาดด้าน SEO เริ่มใช้โมเดลนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับในหน้าแรก จะมีผลกระทบมากที่สุดใน ข้อความคนหาเชิงสนทนา มีความสำคัญต่อความหมายของคำค้นหา แต่ต้องปรับความเข้าใจก่อนว่า ไม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ BERT เพียงแค่ปรับปรุง ความเข้าใจภาษาธรรมชาติกับผู้ค้นหา
ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ สำหรับจุดประสงค์ที่อยู่เบี้ยงหลังข้อความค้นหา เนื่องจากการจับคู่เจตนา มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการสร้างเนื้อหา เพื่อประสบความสำเร็จ
ก่อนที่จะเขียนเนื้อหา ควรวิเคราะห์การจัดอันดับ เนื้อหา 10 อันดับแรกในหน้าแรก ของ SERP สำหรับคำหนักนั้น ๆ ซึ่งสร้างเนื้อหาที่ตรงกับ ความตั้งใจของผู้ค้นหา ให้ตรงตามการวิเคราะห์ของนักการตลาด
วิดีโอ จะเป็นเนื้อหาหลัก ในอนาคต
ด้วยตัว Google ชอบวิดีโอ จะเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ทางด้าน SEO มีผลการวิจัยด้านการตลาดถึงเรื่องแนวโน้ม การปรากฏในหน้าแรกของ SERP มากกว่า ที่มีเนื้อหาแต่ข้อความเพียงอย่างเดียว
แต่การสร้างวิดีโอบน Youtube ที่มีประโยชน์ต่อเนื้อหา ที่มีสอดคล้อง และรองรับ ก็ไม่ได้รับประกันผลการค้นหาหน้าแรก แต่ที่จะได้การเข้ารับชมที่สูงขึ้น เมื่อ Google จัดทำดัสนีวิดีโอ
การที่วางวิดีโอไว้บนเว็บไซต์ เพื่อให้มีการรับชมที่มากขึ้น สิ่งสำคัญปรับรูปแบบเว็บไซต์ ให้มีคุณภาพตามความกว้างของบล็อกวิดีโอนั้น และเพิ่มสำเนาในหน้า เพื่อช่วยให้ Google เข้าว่าใจว่า เนื้อหาวิดีโอนี้เกี่ยวข้องกับอะไร
ความยาวของเนื้อหา เป็นตัวกำหนดอันดับ
เนื้อหาที่มีคุณภาพที่ดีเท่านั้น ถึงจะช่วยให้เว็บไซต์นั้น ชนะคู่แข่งในการจัดอันดับ แต่ต้องพิจารณาปริมาณควบคู่ ไปกับคุณภาพเช่นกัน มีข้อโต้แย้งมากมายเกี่ยวกับความยาวของเนื้อหา ให้เหมาะสมกับแต่ละโพสต์ หรือบล็อก ซึ่งการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ความยาวเนื้อหาของเว็บไซต์ที่ติดอันดับนั้น จะมีประมาณ 1,500 คำ นั้นคาดการณ์ได้ว่า เป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคุณภาพที่ดี จึงทำให้มองเห็นได้มากกว่า บทความที่มีความยาว จะเพิ่มเวลาในการใช้งาน ชึ่งจะบอก Google ว่าผู้ใช้ชอบเนื้อหามากขนาดไหน
Severity: Core Warning
Message: PHP Startup: Unable to load dynamic library 'i360.so' (tried: /usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so (libhs_runtime.so.5: cannot open shared object file: No such file or directory), /usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so.so (/usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so.so: cannot open shared object file: No such file or directory))
Filename: Unknown
Line Number: 0
Backtrace: