บทความเรื่องนี้ ขอแนะนำถึงนักธุรกิจและผู้ประกอบการ ที่มีเว็บไซต์เป็นของกิการตนเอง แต่ดันมีอุปสรรคตรงที่ ลูกค้าน้อย ไม่เป็นที่รู้จัก อ่านมาถึงตรงนี้ เริ่มเตะใจกันแล้วใช้ไหมละคะ ทุกปัญหาย่อมมีอุปสรรค ต้องได้รับการแก้ไข แก้ยังไง ต้องเริ่มจากการวางแผน ถึงจะออกมาประสบความสำเร็จ
ทำความรู้จัก Keyword แต่ละประเภท
ก่อนที่เราจะลงไปในส่วนของ Strategy เรามาทำความรู้จักประเภทของ Keyword กันก่อนนะคะ ว่ามีแบบไหน ยังไงกันบ้าง ส่วนใครที่ทราบอยู่แล้ว จะ Skip ไปในส่วนของ Steps Strategy เลยก็ได้
Primary Keywords
เรียกได้ว่าเป็นคีย์เวิร์ดหลักที่สำคัญที่สุด เพราะ Primary Keyword คือคำที่รวบใจความหลักของบทความ เช่น บทความนี้เกี่ยวกับอะไร ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นคำที่มี Search Volume สูงๆ ต่อเดือน
แต่คีย์เวิร์ดที่ใหญ่ๆ ก็มักจะเป็น Topic กว้างๆ ที่คนจะค้นหา ซึ่งหลายครั้งเราก็จะใช้ซ้ำๆ จนมันช้ำ และแน่นอนว่ามันไม่ดีแน่ๆ ถ้าเราจะใช้ คีย์เวิร์ดเดียวกันกับบทความก่อนหน้าด้วย เช่น เขียนบทความเกี่ยวกับ SEO ถ้าเราใช้ SEO Keyword เป็น Primary keyword หมดเลย มันก็จะเป็นคำว่า ‘SEO’ ทั้งคู่ ซึ่งแน่นอนว่า Ranking ก็จะแย่งกันเองด้วย
Secondary Keywords
Secondary เป็นคีย์เวิร์ดที่หมายถึง คำที่ให้ใจความใกล้เคียงกับ Primary นั่นเอง เช่น บทความเกี่ยวกับ SEO ที่สามารถแตกออกมาเป็น SEO Techniques / SEO Strategy เป็นต้น
ซึ่งคำในส่วนของ Secondary Keywords นั้นโดยปกติจะเป็นคำที่มี Search Volumes น้อยกว่าคำกว้างๆ อย่าง Primary Keywords ที่ใคร ๆ ก็คิดถึง ซึ่งข้อดีก็คือ การแข่งขันใน Keyword รองนั้น น้อยกว่าและจะเพิ่มโอกาสให้เราได้ Ranking ที่ดีกว่าค่ะ ซึ่งบทความของเรานั้นสามารถ Target คีย์เวิร์ด Secondary ได้แบบ 8-10 คำเลยทีเดียว ต่างจาก Primary Keyword ที่มีได้แค่คำเดียว
Head Keywords
ส่วนนี้เป็นคำที่ Search Volume สูงๆ แต่ Competition ก็สูงตามเช่นกัน ซึ่งส่วนมากเป็นศัพท์คำเดี่ยวๆ อย่างเช่น กาแฟ / SEO / รองเท้า / ประกันภัย เป็นต้น
ซึ่งคนที่เข้ามาตาม Keyword เหล่านี้จะมองมาผลลัพธ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น รองเท้าส้นสูง / รองเท้านักเรียนญี่ปุ่น / วิธีขัดรองเท้าหนัง / รองเท้าหนังเป็นรอยทำไงดี เพราะแบบนี้เลย ที่ทำให้ Head Keywords นั่นมี Conversion rates ต่ำมากๆ เพราะคนไม่เจอสิ่งที่เค้าต้องการ ก็ Scroll หาต่อไปเรื่อยๆ ในแบบที่มันเจาะจงมากขึ้น
Body keywords
จากคำ คำเดียวแบบ Head keyword ถ้าเพิ่มความยาวให้มันหน่อยสัก 2-3 คำ ก็จะกลายเป็น Body Keywords ที่มี Search Volume ต่ำลงแต่ข้อดีคือ Competition ก็จะน้อยลงตามด้วย เช่น daily body scrub / Herbal face scrub หรือ Whitening Scrub เป็นต้น
ซึ่งการเพิ่มคำเข้าไปมากขึ้นจาก Head > Body Keyword ทำให้เราเห็นถึง Intention ของการเข้าเว็บเรามากขึ้น ว่าเค้าต้องการ Scrub เพื่อผิวกระจ่างใส หรือต้องการ Scrub ที่ทำจากสมุนไพรกันแน่ ดังนั้นก็จะช่วยให้ Conversion rate สูงขึ้นด้วย
Long-Tail Keywords
Category สุดท้ายก็คือ Long-Tail Keyword ที่มีความยาวมากที่สุดจากทั้ง 3 Categories แบบ 4 คำ หรือมากกว่าขึ้นไปค่ะ เช่น Herbal body scrub with aloe Vera หรือ face scrub for blackhead removal เป็นต้น
ซึ่ง Long-tail Keyword นั้นจะมี Search volume ต่ำกว่า Body Keyword ซะอีก แถม Competition ก็น้อยตามไปด้วย ทำให้เราติด Rank ได้ง่ายมากๆ แถมคนที่เข้ามา ทำให้เห็นถึง Intention ที่ตรงกันมาก ทำให้ Conversion Rate ก็สูงตามไปด้วย
วางแผน SEO Keyword Strategy มีชัยไปกว่าครึ่ง
เข้าใจคนหาก่อนว่าเค้าจะพิมพ์หาอะไร
หลักๆ จำไว้เลยค่ะ ว่า SEO marketing เนี่ยมีอยู่เพื่อแก้ปัญหาอะไรบางอย่างให้กับคนที่เข้ามาใน Search Engine ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถามในสิ่งที่พวกเค้าอยากรู้ ตอบวิธีแก้ไขคำถามบางอย่าง หรือทำให้กระจ่างถึงคำถามที่มีในหัวเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ เพราะฉะนั้นการที่คุณจะใช้ Keyword อะไรซักอย่าง จึงต้องคำนึงถึงคำหรือภาษาที่ลูกค้าจะใช้ในการพิมพ์หาเราใน Search Engine นั่นเอง
หา Primary Keyword ให้เจอ
หลังจากที่เราเข้าใจลักษณะการค้นหาของลูกค้าผ่าน Search Engine แล้ว เราก็จะเห็นภาพว่า โดยส่วนมากเนี่ย คนจะเจอปัญหาอะไรมาก่อน ถึงจะสนใจสินค้าอย่าง Scrub ของเรา เป็นต้น
ต่อมาคือเราต้อง Compare ดูว่า แล้วคำไหนควรจะมาเป็น Primary keyword ของเรากันแน่ค่ะ โดยคำๆ นั้นต้องมี Traffic Potential ที่สูง มี Competition Rate ที่น้อย และส่งผลดีมากๆ กับสินค้าหรือบริการของคุณด้วย
มองหา Secondary Keyword
หลักจากที่ได้ Primary Keyword แล้ว สิ่งต่อมาคือการเลือกใช้ Secondary Keyword ในบทความของคุณ ซึ่ง Secondary Keyword นั่นอาจะมี Search Volume น้อยแต่มันดีตรงที่คู่แข่งก็น้อยตาม ทำให้เราติด Ranking ได้ง่ายกว่า
เขียน Content และใช้ Keyword ที่เลือกมาให้คุ้มค่า
ในส่วนของ Page Title: หรือตัวหนังสือสีฟ้า ที่เราเห็นเวลาค้นหาใน Google ควรมี Keyword หลักแปะอยู่หน้าๆ ให้ได้มากที่สุด
ในส่วนของ Body Text: หรือเนื้อหาด้านใน ต้องบอกเลยว่า ห้ามใช้ Keyword ซ้ำๆ จนเยอะเกินไป เพราะทุกวันนี้มันไม่ Work แล้วค่ะ Google จะดักจับแล้วดึงเว็บคุณลงจาก Rank ด้วยซ้ำ
URLs และ Meta Description: ใส่ Keyword เข้าไปใน URLs และ Meta Description นอกจากจะช่วยให้ Google เข้าใจง่ายแล้ว คนที่มองหาจากหน้า Search Engine ก็เข้าใจง่ายด้วย
ทั้งหมดนี้ก็คือการวางแผนใช้งาน SEO Keyword Strategy ที่จะช่วยให้เว็บของคุณมีคนเข้ามาง่ายขึ้น เยอะขึ้น และแม่นยำมากขึ้น เพียงคุณเข้าใจคนที่ใช้ Search Engine และปัญหาของเค้ามากพอ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก everydaymarketing