บทความ ตรวจสอบคุณภาพเว็บไซต์ ( Website ) ด้วยตัวเอง

การทำธุรกิจในปัจจุบันมีการสร้าง เว็บไซต์ ( Website ) เพื่อให้ตอบโจทย์ทางธุรกิจกันมากขึ้น ซึ่งวันนี้เรามีวิธีการตรวจคุณภาพเว็บไซต์แบบง่ายๆ เพื่อให้คุณนำไปปรับปรุงแก้ไขในทิศทางที่ดีขึ้น

1. มี Title Tag และ Meta Description

     Title Tag (แท็กชื่อเรื่อง) เป็นส่วนที่บอกชื่อเรื่อง ระบุเนื้อหาของหน้าเว็บนั้นๆ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ HTML อยู่ในส่วน Head  ซึ่ง Title Tag มีประโยชน์ต่อผู้ค้นหา ผู้ทำเว็บไซต์ และเครื่องมือค้นหา (Search Engine) อย่าง Google ทั้งในด้านของการผลิต Web Page Content ใช้งานอินเทอร์เน็ต และในด้านของการทำ SEO (Search Engine Optimization)

     Meta Description คือ คำอธิบายเพิ่มเติม มีไว้สำหรับอธิบายรายละเอียดเนื้อหาของหน้านั้นๆ จะแสดงอยู่ที่ด้านล่างของ URL และ Title Tag เพื่อให้ผู้ค้นหาทราบว่าเว็บไซต์นี้เกี่ยวข้องกับอะไร ซึ่งข้อความที่อยู่ใน Meta Description จะไม่ได้แสดงในเว็บไซต์ แต่จะแสดงที่หน้า SERP ของ Google โดยจะมีอยู่ 2 บรรทัด ถัดจาก Title Tag นั่นเอง

     ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในเรื่องของการทำ SEO เพื่อทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับบน Google หากเช็คแล้วยังไม่มีรีบใส่กันด่วนๆ เลยค่า

2. ปรับเป็น Responsive Web Design

     ในยุคนี้ต้องบอกว่าคนมักค้นหาข้อมูลต่างๆ จากโทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้น เว็บไซต์ที่มีคุณภาพในยุคนี้จึงต้องเป็นแบบ Responsive Web Design นั่นคือ การออกแบบเว็บให้รองรับกับการใช้งานผ่านอุปกรณ์หลากหลายชนิด เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ มือถือ สมาร์ทโฟน แทปเล็ต เพื่อให้การแสดงผลเว็บไซต์ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่เปิด ทำให้ลูกค้าสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้ง่าย ดังนั้นการทำ Responsive Web Design จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งของการทำเว็บไซต์ในปัจจุบัน

3. มี โลโก้ (Logo)

     โลโก้ (Logo) ถือเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของสินค้า บริการ หรือบริษัท ซึ่งการที่ธุรกิจมี โลโก้ (Logo) จะช่วยทำให้ลูกค้าสามารถจดจำสินค้าหรือแบรนด์ของเราได้ ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นในแบรนด์ กล้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ แถมยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้อีกด้วย

4. มีการกำหนดเมนูให้เหมาะสมกับธุรกิจ

     มี About คือ ส่วนที่บอกข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือธุรกิจว่าทำเกี่ยวกับอะไร เพื่อสร้างความเข้าใจและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ ให้คนที่เข้ามาชมเว็บไซต์หรือลูกค้ารู้สึกไว้วางใจธุรกิจ และกล้าที่จะซื้อสินค้า

     มี Product/Service ชัดเจน โดยมีการบอกว่า สินค้าหรือบริการของเรามีอะไรบ้าง หากเป็นการขายสินค้า หรือ มีบริการที่หลากหลาย ควรจัดให้เป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนที่เข้ามาชมเว็บไซต์หรือลูกค้าสามารถค้นหาได้ง่าย

     มี Contact ในส่วนนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าสามารถติดต่อกับเราได้ ควรมี Contact ที่ชัดเจน มีหลากหลายช่องทางเพื่อให้สะดวกต่อผู้เข้ามาชมเว็บไซต์หรือลูกค้า

5. มีคอนเทนต์ที่น่าสนใจในเว็บไซต์

     การที่มีผู้เข้ามาชมเว็บไซต์หรือลูกค้าเข้ามายังเว็บไซต์ การที่เว็บไซต์มีคอนเทนต์ (Content) ไม่ว่าจะเป็นบทความ รูปภาพ คลิปวีดีโอ และสิ่งอื่นๆ ที่เราสื่อไปถึงว่าที่ลูกค้า จะช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าเป็นคอนเทนต์ที่น่าสนใจ มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ ลูกค้าจะให้ความไว้วางใจ และยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจได้อีกด้วย

6. เพิ่มความปลอดภัยด้วย SSL

     ร้านค้าออนไลน์ เว็บไซต์ E-Commerce ทั้งหลายจะขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้ เพราะ SSL จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์ ป้องกันการดักจับข้อมูล และช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าในเว็บไซต์

     หากเว็บไซต์ของเราเป็น E-Commerce มีเรื่องของการใช้บัตรเครดิตเข้ามาเกี่ยวข้อง เว็บไซต์จำเป็นต้องมี SSL เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและธุรกิจ และยังช่วยให้อันดับเว็บไซต์สูงขึ้นอีกด้วย

     เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับเช็คลิสต์ 6 ข้อ ที่เราแนะนำ ถ้าใครมี เว็บไซต์ ( Website ) แล้วยังไม่มีสิ่งเหล่านี้ หลังจากที่ได้ตรวจเช็คเว็บไซต์ของตัวเองกันแล้วขอให้รีบนำไปปรับปรุง ส่วนเว็บไซต์ของใครที่มีทุกอย่างครบแล้วแสดงว่าเว็บไซต์ของคุณมาถูกทางแล้วค่ะ หากสนใจทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพเลือก SEOlnwza ได้นะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก makewebeasy

อ่านบทความเพิ่มเติม

หน้าเว็บแบบไหนที่ส่งผลเสียต่อ SEO

ทำรูปภาพในเว็บไซต์ SEO แบบมืออาชีพ