การปรับเปลี่ยนจาก LINE@ สู่ LINE Official Account นั้นถือเป็นหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักการตลาดทั้งหลายควรหาวิธีรับมือ
สิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ของ Line@ สู่ LINE Official Account นั้นก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราคา เพราะจากเดิมราคาแพ็กเกจรายเดือนของ LINE@ จะอยู่ช่วง 0 – 6,888 บาทต่อเดือน ซึ่งจะจำกัดหรือคิดราคาเฉพาะจำนวน Reach หรือยอดคนที่ได้รับข้อความ ส่วนจำนวนข้อความนั้น ส่งได้ไม่จำกัด แต่สำหรับ LINE Official Account หากมองที่ราคาแพ็กเกจอาจจะถูกกว่า คือ 0 – 1,500 บาท
แพ็กเกจรายเดือน
ราคาต่อข้อความที่เกินจากข้อความฟรี แบบ Basic คิด 0.009 USD หรือประมาณ 0.3 บาทต่อข้อความ แบบ Pro คิด 0.003 USD หรือประมาณ 0.1 บาทต่อข้อความ
จากแพ็กเกจที่เห็นจะจำกัดจำนวนข้อความสูงสุดเพียง 10,000 ข้อความเท่านั้น ส่วนข้อความที่เกินมาจะคิดตามจำนวนข้อความ Reach ที่ส่งไปจริง ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางที่ใช้ LINE@ ในการ Broadcast หาผู้ติดตามหลักหมื่นหลักแสนทุกวัน วันละหลายครั้งนั้นถึงกับกระอักกระอ่วน จนปริมาณของคอนเทนต์จากธุรกิจต่างๆ ที่ส่งผ่านไลน์น้อยลง เพราะการส่งแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่าย หากมองในมุมธุรกิจแล้วการที่ LINE ปรับวิธีการคิดเงินใหม่จะทำให้ทุกธุรกิจ จะต้องคิดมากขึ้นก่อน Broadcast การส่งข้อความทุกวัน วันละ 3 เวลามันคงไม่คุ้มอีกต่อไปแล้ว
จากนี้ไปการทำการตลาดผ่าน LINE ไม่ใช่แค่การ Broadcast แต่มีเครื่องมืออื่นๆ ของ LINE ที่เพิ่มขึ้นมาหลังจากการเปลี่ยนแปลง ซึ่งฟีเจอร์ใหม่มีดังนี้
แล้วธุรกิจควรจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างไร ?
หากจะไปต่อกับ LINE Official Account จะต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง และวางแผนให้ดีในเรื่องของ
1. การจำกัดจำนวนข้อความที่จะส่งในแต่ละสัปดาห์ โดยทุกๆ ข้อความต้องเป็นข้อความที่สำคัญและมีคุณภาพมากขึ้น ให้สมกับราคาที่ต้องจ่ายไป โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการที่มีผู้ตามจำนวนมาก
2. วางแผนพัฒนาคอนเทนท์ที่สร้างสรรค์มากขึ้น ใช้ข้อความและกราฟฟิกในการดึงดูดความสนใจ
3. ศึกษาเรียนรู้ วิธีทำการตลาดผ่าน ผ่าน LINE Official Account และทำความเข้าใจฟีเจอร์ใหม่ที่เราได้กล่าวไปข้างต้นให้มากขึ้น
การที่เราทำความเข้าใจกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เรียนรู้กับฟีเจอร์ใหม่ๆ และอยู่กับมันไปให้ได้ แต่อย่ายึดติดอยู่กับสื่อใดสื่อหนึ่งที่ไม่ใช่แพลตฟอร์มของตัวเองมากเกินไป เพราะการทำธุรกิจต้องมีทางออกและช่องทางสำรองเสมอ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก contentshifu