การทำ SEO ติดหน้าแรกได้ด้วยบทความนั้น สามารถทำได้จริง เพียงแค่คุณต้องรู้ส่วนประกอบที่สำคัญในบทความว่า มีสิ่งใดบ้างที่ Google จะตรวจดู ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายเว็บไซต์ต้องให้ความสำคัญในการที่จะติดอันดับต้นๆ ของ Google
ผู้ที่ทำเว็บไซต์จะต้องเขียนโค้ดให้มีมาตรฐานตามเอกสารของ Google แต่สิ่งที่สำคัญนอกจากโค้ดหลังบ้านแล้ว อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ บทความ ( Content ) ระดับคุณภาพ ซึ่งคุณภาพของบทความเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่อยู่คู่เว็บไซต์ของคุณอีกนาน สิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพนั้น ต้องมี Keyword หลายตัวติดหน้าแรกของ Google เป็นหน้าที่ของคนเขียนบทความว่าต้องคำนึงถึงส่วนประกอบต่างๆ มีส่วนช่วยให้ติดหน้าแรก
ทำ SEO ติดหน้าแรกได้ด้วย บทความ (Content)
1. Keyword
ให้ความสำคัญกับ Keyword ที่คุณต้องการ เพราะการวาง Keyword ต้องใช้ความสามารถของคนทำคอนเทนต์ในการวาง Keyword ตามจุดต่างๆ ของบทความที่มีความกระจายตัวอย่างเหมาะสม และยังต้องอ่านแล้วดูลื่นไหหลไม่สะดุดตา
อันดับแรกให้คุณหา Keyword ที่คุณต้องการในบทความมาก่อน 1 คำ โดยที่คุณต้องนำ Keyword นั้นไปวางในบทความในตำแหน่งที่เหมาะสมในปริมาณที่เหมาะสม โดย Keyword ต้องไปอยู่ใน Heading1, Heading2, Heading3 (ถ้ามี), URL Slug, ชื่อภาพและในเนื้อหา โดยปริมาณของ Keyword ในเนื้อหาไม่ควรวางมากเกินไป เพราะ Google จะมองว่าคุณกำลัง Spam Keyword จะส่งผลทำให้คะแนน SEO ของคุณแย่ลง
2. Heading1
ชื่อบทความ หรือ Heading1 เป็นสิ่งที่คุณต้องให้เวลากับสิ่งนี้นานหน่อยในการสร้างประโยคที่เป็นชื่อบทความที่มีความไพเราะ บวกกับช่วยในเรื่องของ SEO โดยจำเป็นต้องมี Keyword ที่คุณต้องการอยู่ใน Heading1 เพราะในส่วนนี้มีผลมากๆ กับบทความของคุณ พยายามนำคำนั้นมาด้านหน้าสุดของประโยคให้ได้มากที่สุด แต่คุณต้องดูปริมาณของ Heading1 ว่าไม่ยาวจนเกินความเหมาะสม
3. Heading2
หัวข้อย่อย หรือ Heading2 วัตถุประสงค์ในการที่คุณต้องทำ Heading2 หรือ หัวข้อย่อย ที่รองมาจากชื่อของบทความ เพราะบทความ Listing ส่วนมากมักใช้ Heading2 แต่ถ้ามีช่องทางในการใส่ Keyword ก็ให้ใส่เข้าไปใน Heading2 ด้วย
4. URL Slug
การตั้งค่า URL บางเว็บไซต์ใช้วิธีนำวันที่ขึ้นก่อน แล้วค่อยตามด้วย Slug บางเว็บไซต์ก็มี Slug อย่างเดียว หรือ บางเว็บไซต์จะให้รหัสเป็น URL แต่ในสิ่งนี้คุณไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าในบทความคุณสามารถใส่ Slug ได้ด้วยตนเองให้คุณลองใช้ภาษาอังกฤษในการสร้างประโยคเหล่านั้น วรรคคำด้วยเครื่องหมาย – ยกตัวอย่างเช่น seo-checklist-for-editor ด้วยปริมาณความยาวที่ไม่มากเกินไป ถ้าคิดไม่ออกก็นำชื่อบทความไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ และอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญ คือ คุณต้องนำ Keyword ไปยัดไว้ใน Slug
5. ขนาดของรูปภาพ
ขนาดของรูปภาพก็มีส่วนสำคัญ เพราะจะมีผลกับความเร็วในการโหลดหน้าค่อนข้างมาก ซึ่งความช้า – ความเร็วจะมีผลกระทบไปถึงคะแนนของ SEO อีกด้วย ผู้ที่เขียนบทความต้องใส่ใจกับขนาดของรูปภาพ ไม่ควรนำภาพจากกล้อง DSLR หรือ โทรศัพท์ไปใส่ในบทความโดยไม่ผ่านการย่อขนาดไฟล์ เพราะขนาดของภาพจากกล้อง DSLR หรือ โทรศัพท์นั้นอย่างน้อยก็ 3-4 MB ถือว่าเป็นไฟล์ที่ใหญ่มาก ควรดู Layout ของหน้าบทความว่ามีพื้นที่ในการแสดงผลสูงสุดเท่าไหร่ ให้คุณใช้ความกว้างไม่เกินขนาดที่กำหนดและใช้นามสกุลภาพเป็น .jpg ขนาด 1 ภาพต้องไม่เกิน 600 kb เท่านั้น ต้องทำทุกครั้งก่อนจะนำภาพเข้าไปในบทความ เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาจะติดหน้าแรกของ Google แน่นอน
6. Link
การใส่ Link เพื่อเชื่อมไปที่เว็บไซต์อื่นเพื่อให้เครดิต หรือ พูดถึงในสิ่งที่เกี่ยวข้องก็ตาม ให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ที่จะมา Link ซึ่งการใส่ Link นั้นควรใส่เป็นแบบ Link Text แทนการแปะ URL อย่างเดียว ถ้าเว็บไซต์ของคุณมีบทความที่เกี่ยวของกับสิ่งที่กำลังพูดถึงก็จะทำให้ Link ไปที่บทความนั้นได้ด้วย เรียกว่า Internal Link จะทำให้ยิ่งได้คะแนนจาก Google มากขึ้น แต่ก็ต้องระวังเรื่อง Link ที่เสียเพราะถ้ามีมากคะแนนของ SEO ก็จะเสียไปด้วย ถ้าเว็บที่รันด้วย CMS อย่าง WordPress ให้หา Plugin ที่ใช้ตรวจสอบ Link เอาไว้กดเช็คอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี
7. การเว้นวรรคและย่อหน้าให้ถูกจังหวะ
Readability มีผลกับคะแนนของ SEO เว็บของคุณต้อง Responsive อ่านได้ทุก Device และบทความของคุณจำเป็นต้องอ่านง่ายด้วยเหมือนกัน ผู้เขียนต้องนึกถึงการอ่านหน้าจอที่เล็กที่สุดเป็นหลัก เช่น ในโทรศัพท์มือถือ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะ Preview บน Desktop แต่คุณต้องนึกถึงในโทรศัพท์มือถือด้วย layout บนเว็บไซต์คุณต้องเขียนกี่บรรทัดถึงจะเหมาะสมในโทรศัพท์ ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่ดูและอ่านในโทรศัพท์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคุณควรจะซัพพอร์ตในส่วนนั้นให้สมบูรณ์แบบที่สุด
รู้สิ่งที่ควรทำเพื่อให้การทำ SEO ติดหน้าแรกได้ด้วยบทความ กันไปแล้ว ลองไปปรับใช้กันนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก rainmaker
อ่านบทความเพิ่มเติม
Severity: Core Warning
Message: PHP Startup: Unable to load dynamic library 'i360.so' (tried: /usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so (libhs_runtime.so.5: cannot open shared object file: No such file or directory), /usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so.so (/usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so.so: cannot open shared object file: No such file or directory))
Filename: Unknown
Line Number: 0
Backtrace: